Wednesday, January 15, 2014

Review: Don't Let Go


Don't Let Go
Don't Let Go by Skye Warren

My rating: 1 of 5 stars



เราชอบพระเอกเลวนะคะ และเราไม่ได้หมายความถึงพระเอกที่เป็นแบดบอยด้วยค่ะ เราหมายความถือแบดแมนเลย เพราะเราชอบอ่านการกลับตัวของพวกเขา การไถ่บาปต่อการกระทำผิดในอดีต และนี่คือเหตุผลที่เราเลือกเล่มนี้มาอ่าน

ปัญหาก็คือ เราไม่ได้เปิดกว้างมากขนาดนั้น

ดังนั้นนี่จึงอาจจะไม่ใช่ความผิดของหนังสือนะคะ คนแต่งก็เขียนคำเตือนชัดเจนแล้ว แต่เราหลงผิดคิดว่า ตัวเองมีภูมิต้านทานเพียงพอ แต่หลังจากอ่านจบไป ก็พิสูจน์ว่าไม่ใช่ เราไม่อาจเปิดใจยอมรับได้ (ตามคำเตือนคนแต่งน่ะค่ะ เราไม่สบายใจเท่าไหรเวลาที่อ่านเรื่องนี้ เป็นการอ่านหนังสือที่ไม่มีความสุขเลย)

เรื่องนี้เป็นเล่มสี่ในชุด ซึ่งเราไม่ได้อ่านสามเล่มแรก แต่เราไม่มีปัญหากับการติดตามเรื่องราวนะคะ พล็อตเรื่องก็คือ ความพยายามตามจับคนร้ายที่เป็นหัวหน้าองค์กรค้ามนุษย์คนสำคัญ นางเอกที่เป็นเอฟบีไอหน้าใหม่ทำงานร่วมกับคู่หูซึ่งติดตามสืบคดีนี้เป็นเวลานาน

การได้อ่านเรื่องนี้ทำให้เรารู้เลยนะคะว่า ขีดจำกัดของตัวเองเองอยู่ที่ตรงไหน เรารับไม่ได้กับเรื่องที่มีการลักพาตัวและกระทำต่าง ๆ นานากับนางเอก เรื่องราวที่นางเอกเป็นเหยื่อ แม้ว่านางเอกจะเต็มใจก็ตาม เราไม่สบายใจที่ได้อ่านเรื่องแบบนี้ ซึ่งก็ดีสำหรับเราค่ะ เพราะเราคงต้องคิดให้ดีมาก ๆ ก่อนที่จะซื้อเรื่องแนวนี้มาอ่านอีก จริง ๆ เราน่าจะรู้มากตั้งนานแล้วนะคะ (เพราะหลังจากคุยกะเพื่อน เขาก็บอกว่า "แกไม่ชอบเรื่องจำเลยรักนี่หว่า แล้วไหงมาซื้อเรื่องแบบนี้อ่าน")

สำหรับคนที่ไม่มีปัญหากับเรื่องจำเลยรัก เราก็คงต้องบอกว่า เรื่องนี้ไปไกลเกินกว่านั้นมาก มาก ๆ ค่ะ ไม่ได้ขู่ให้กลัวนะคะ เราชื่นชมคนแต่งที่กล้าเขียน ไม่ทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ

คะแนนหนึ่งดาวที่ให้ ไม่ใช่เพราะตัวเรื่องนะคะ แต่เป็นตัวเรื่องกับความรู้สึกของเรา เราคิดว่า ถ้าคนอื่นไม่ได้มีปัญหากับพล็อต (ซึ่งเป็นความผิดของเราเองอีกนั่นแหละที่ไม่สนใจคำเตือน) ทุกอย่างน่าจะโอเค

ไม่อยากให้คะแนนเป็นตัวเลขนะคะ เพราะเรารู้สึกว่า ปัญหาเกิดจากตัวเรามากกว่าเรื่อง เราใจไม่กว้างพอมากกว่า



View all my reviews

Review: The First Sinners


The First Sinners
The First Sinners by Kate Pearce

My rating: 2 of 5 stars



เราชอบงานแนวอีโรติกย้อนยุคของเคท พีชนะคะ เราชอบความร้อนแรงของเรื่อง และความตรงไปตรงมากกับความต้องการ (ทางเพศ) ของตัวละคร คือสำหรับเรา ถ้าจะเขียนเรื่องแนวอีโรติคก็ต้องไปให้สุดโต่ง และเคท พีชเป็นหนึ่งในนักเขียนที่เราคิดว่า เธอไปได้สุดท้ายจริง ๆ

ดังนั้นความผิดหวังที่เรามีต่อเรื่องนี้น่าจะมาจาก การไปไม่สุดทางของคนแต่ง คือเรื่องนี้ว่าไปแล้วก็คือแนวย้อนยุคธรรมดาที่มีฉากเซ็กส์ที่ร้อนแรง แต่ก็แค่นั้น

บอกตามตรงนะคะ เวลาอ่านเรื่องแนวอีโรติค เราไม่ได้คาดหวังพล็อตอะไรมากมาย (คือถ้ามีพล็อต และการดำเนินเรื่องลงตัว เล่มนั้นเราจะยกให้เป็นหนังสือแนะนำไปเลย) สำหรับเราถ้าอ่านอีโรติค ก็ต้องร้อนแรงได้ใจ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ตอบโจทย์ ดังนั้นการวัดคุณค่าของหนังสือเล่มนี้สำหรับเราจึงย้อนกลับไปที่การวัดคุณค่าของหนังสือแนวย้อนยุคทั่วไป (ที่ไม่ใช่อีโรติค) ซึ่งเกณฑ์การวัดของเราแตกต่าง

เรื่องนี้สอบไม่ผ่านเกณฑ์นั้นนะคะ ด้วยพล็อตเรื่องที่ดาษดื่นมาก ๆ เอียนซึ่งเป็นสายลับถูกส่งให้ไปคอร์นวอลล์เพื่อสืบหาตัวผู้ทรยศซึ่งให้ข้อมูลของอังกฤษต่อฝรั่งเศสซึ่งกำลังอยู่ในภาวะสงคราม และเพื่อปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่า ภารกิจที่แท้จริงของเขาคืออะไร เอียนถึงกลบเกลื่อนการเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงในชนบท ด้วยการใช้สถานภาพการเป็นขุนนางระดับเอิร์ลของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ด้วยการทำให้คนเข้าใจกันว่า เขากำลังมองหาเคาส์เตสของเขาอยู่ ซึ่งที่นั่นเขาก็ได้พบกับหญิงสาวที่เขาสนใจอย่างจริงจัง แต่เธอกลับเป็นพี่สาวของหญิงสาวที่เขาต้องแกล้งทำเป็นสนใจ

และเมื่อคิดว่า เรื่องนี้เป็นแนวย้อนยุค (ทั่วไป ไม่ใช่อีโรติก) เรารู้สึกว่า พฤติกรรมของตัวละครหลายอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกของเอียนที่มีต่อเฟธ นางเอก ด้วยการยื่นข้อเสนอทางเพศกับเธอตรง ๆ ทั้งที่เธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ เรารู้สึกว่ามันไม่สมจริงเอาเสียค่ะ (คือถ้าเป็นอีโรติก มันก็ไม่สมจริงนะ แต่มันฮ็อตไง ก็เลยให้อภัยได้)

โดยรวมเราเลยงงว่าจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ดี อาจจะเพราะเราไม่ชอบเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมด้วยล่ะค่ะ เรารู้สึกว่า เรื่องนี้ขาดองค์ประกอบบางอย่างไป พล็อตเรื่องที่ง่ายไป ท้ายสุดก็กลายเป็นหนังสือที่อ่านจบแล้ว ก็จบไปแค่นั้น

คะแนนที่ 57



View all my reviews

Review: Suddenly Royal


Suddenly Royal
Suddenly Royal by Nichole Chase

My rating: 2 of 5 stars



ซื้อเล่มนี้มาอ่าน เพราะคำวิจารณ์ที่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่อง The Princess Diaries เวอร์ชั่นผู้ใหญ่

เราซึ่งก็ชอบเรื่อง The Princess Diaries อยู่พอควร แต่ติดตรงความเป็นเด็กของเรื่องราว (ซึ่งสมควรกับเนื้อเรื่องนะคะ เพราะเป็นหนังสือสำหรับเด็ก) ก็เลยสนใจขึ้นมาทันที และเมื่อได้อ่านก็รู้สึกแบบนั้น แต่ติดตรงที่ว่า เราไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นเวอร์ชั่นผู้ใหญ่อะไรเลยค่ะ นอกจากฉากเซ็กส์ที่เพิ่มเข้ามา องค์ประกอบในเรื่องดูเด็กเกินไป

ซาแมนธา รุสโซ นักศึกษาปริญญาโทเป็นหนึ่งในสาวอเมริกันธรรมดา ๆ ที่วันนึงพบว่าโลกที่เธอรู้จักพลิกหงายตาลปัตร เมื่อเธอได้รับแจ้งข่าวว่า เธอคือดัสเชสของประเทศเล็ก ๆ ในยุโรป ประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยน้ำมัน แถมทรัพย์สินที่ถูกเก็บรอไว้เพื่อหาทายาท (ซึ่งก็คือเธอ) มีจำนวนมหาศาล ชีวิตที่เคยรู้จักจึงเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

เราขอขยายคำว่า "เด็ก" ที่เราใช้กับเรื่องนี้ก่อนนะคะ เราไม่ได้หมายความว่า เรื่องเหมาะสำหรับเด็ก แต่เราใช้คำนี้เพราะมีหลายอย่างที่ไม่น่าเชื่อ ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย จนเหมือนกับว่า เรื่องนี้เด็กเป็นคนแต่ง เหตุผลทุกอย่างจึงง่าย ๆ (แต่ไม่สมจริงสำหรับเราเอาเสียเลย)

เราอ่านไปพร้อมกับคำถาม ทำไมราชวงค์ของประเทศนั้นต้องออกตามหาซาแมนธา เหตุผลที่ให้คือ ออกตามหาเชื้อพระวงค์ทุกคนที่หนีออกไปจากประเทศ (เมื่อร้อยกว่าปีก่อน ตอนที่เกิดปัญหาในประเทศ) ไม่มีคำอธิบายอะไรมากกว่านั้น ไม่ได้มีแรงกดดันจากใครก็ตาม เป็นแค่ความต้องการอยากตามหา กล่าวคือ เป็นคนดีไง คำถามคือ ทำไมถึงเพิ่งคิดมาตามล่ะ ทำไมไม่ก่อนหน้านี้ ประเทศก็สงบไปตั้งนานแล้ว

เราเชื่อในความหลงใหลที่คนอเมริกันมีให้กับเชื้อพระวงค์ของยุโรปนะคะ แต่เรามีคำถามว่า ทำไมถึงเป็นนางเอกที่ต้องสนใจกันซะขนาดนั้น ประเทศก็เป็นประเทศเล็ก ๆ ซึ่งเราก็เห็น (จากโลกแห่งความเป็นจริง) ว่ามีเจ้าชาย เจ้าหญิงของประเทศเหล่านั้นอยู่ในอเมริกาเยอะมาก บางคนก็แต่งงานกับคนอเมริกัน ทำไมถึงกลายเป็นข่าวโด่งดัง ไล่ล่าติดตามนางเอกซะอย่างที่บรรยายในเรื่อง

ตลอดทั้งเรื่องไม่มีการบรรยายประเทศสมมุติในเรื่อง บอกแค่ว่า มีน้ำมัน คือเรารู้สึกว่า มันง่ายไปหน่อยไหม เราไมได้เชี่ยวชาญภูมิศาสตร์ยุโรปอะไรดีนะคะ แต่ยุโรปนี่มีน้ำมันเยอะเหรอคะ คือเหมือนเอาเรื่องแนวชีคทะเลทรายมาปน แต่เปลี่ยนสถานที่เป็นยุโรปเท่านั้นเอง

เรามีปัญหากับองค์ประกอบของเรื่อง (อย่างที่บอกไป คือเราว่า มันง่ายเกินไป เหมือนกับคนแต่งบอกว่า อ่านตามที่ฉันเขียน อย่าใช้สมองคิดอะไรมากมายนัก) แต่เราชอบคาแร็คเตอร์นะคะ เราชอบนางเอกที่เราว่าลงตัวดี ไม่ได้ออกมาเป็นสาวน้อยตาใสเกินเหตุ พระเอกก็กำลังดี แม้ว่าเรารู้สึกว่า เขาจะดูดีเกินกว่าความเป็นจริง

อีกจุดนึงที่เราคิดว่า ทำให้เรื่องไม่มีความน่าสนใจเท่าไหรนัก ก็คือ ความราบรื่นของทุกอย่าง ไม่มีตัวร้าย ไม่มีเหตุการณ์ให้ต้องลุ้น ยกเว้นตอนใกล้จบ เมื่อพ่อของนางเอกอาการหนัก และเสียชีวิต นั่นเป็นจุดเดียวในเรื่องที่ทำให้เรามีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องได้ ซึ่งเราว่า ช้าเกินไป เราชอบคาแร็คเตอร์ แต่ตั้งคำถามกับพล็อต และการดำเนินเรื่อง (นั่นคือการเขียน และเล่าเรื่องของคนแต่ง) ค่ะ

ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่า เราควรจะอ่านเล่มสองไหม คือเท่าที่อ่านเล่มนี้ คำตอบคือไม่นะคะ แต่คงต้องรอหนังสือ (เล่มสอง) ออกแล้วถึงจะบอกได้ค่ะ

คะแนนที่ 60



View all my reviews

Review: The Divorce Party


The Divorce Party
The Divorce Party by Jennifer Hayward

My rating: 3 of 5 stars



อารมณ์อยู่ในช่วงที่อยากอ่านเรื่องสั้น ๆ ไม่ซับซ้อนอะไรมากมาย ซึ่งเมื่ออารมณ์แบบนี้มาเมื่อไหร ก็หมายถึงเราเข้าโหมดการไล่อ่านงานของสนพ.ฮาร์ลิควิน และที่เลือกเล่มนี้ก็เพราะคำแนะนำของเพื่อน ที่บอกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า "ซื้อซะ แกน่าจะชอบ"

อ่านจบไปอย่างรวดเร็วค่ะ หนังสืออิมพรินต์ของฮาร์ลิควินเพรสเซ่นส์ สั้น ๆ ง่าย ๆ พล็อตไม่ซับซ้อน และรายงานตัวกับเพื่อนที่แนะนำว่า "ขอบคุณนะคะ ชอบอย่างที่บอกจริง ๆ"

ด้วยพล็อตเรื่องที่เข้าแนวของเรา เมื่อริคคาโด เดอคอมโปสจัดงานเลี้ยงเพื่อฉลองการหย่า (อ่านถูกแล้วค่ะ ตามชื่อเรื่องเลย) และเชื่อหญิงสาวที่เข้าใจว่าตัวเองกำลังจะเป็นอดีตภรรยามาร่วมงาน โดยบอกเธอว่า นี่เป็นหนทางเดียวที่เธอจะได้รับใบหย่าอย่างที่ต้องการ และหลังจากแยกกันอยู่นานเป็นเวลาหนึ่งปี ลิลลีก็คิดว่า นี่เป็นทางเดียวที่เธอจะได้ใบหย่า จึงไปร่วมงาน โดยไม่รู้เลยว่า นี่คือแผนการของริคคาโด เพราะเขายังไม่เคยลืมเธอ และยังรักอยู่เสมอ แต่ความพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะติดต่อพูดคุยกับเธอ (หลังจากที่ลิลลี่ย้ายออกไปจากบ้านที่อยู่ร่วมกันอย่างกระทันหัน) ถูกปฏิเสธ เขาจึงจัดงานฉลองหย่าขึ้นเพื่อเป็นฉากหน้า ให้เธอกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง

แผนการสำเร็จ เพราะหลังจากพบกันเขาก็ยื่นข้อเสนอที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้ (แม้เขาจะไม่รู้ก็ตาม น้องสาวของลิลลี่กำลังป่วยหนัก และต้องการเงินในการรักษา -- อย่าคิดมากกะพล็อตนะคะ มันเป็นแนวเพรสเซ่นส์) และลิลลี่ตอบตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกับเขาในฐานะสามีภรรยาต่อหน้าวงสังคมต่ออีกเป็นเวลาหกเดือน

พล็อตเรื่องไม่ได้สร้างสรร แต่เราชอบอารมณ์ของเรื่องมาก อ่านไปบีบหัวใจไปตลอด เราเข้าใจเลยว่า ทำไมคนสองคนที่รักกันมาขนาดนี้ จึงไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ เพราะในช่วงต้นของเรื่อง ทั้งคู่ต่อไม่ฟังกันและกัน และมองทุกอย่างด้วยมุมมองของตัวเอง ซึ่งไม่มีวันบรรจบกันได้

ลิลลีมีปัญหาในการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตหรูหราในฐานะภรรยาของมหาเศรษฐี เธอเป็นแค่เด็กสาวที่มาจากฟาร์มในโอไฮโอ (คิดว่าน่าจะใช่นะคะ ถ้าไม่ใช่ก็ประมาณแถวนั้นแหละ สรุปว่า ห่างไกล) เธอถูกกดดันจากหลายฝ่าย กลายเป็นเป้าสายตา ความอิจฉาของทุกคน และลิลลีมีปัญหาในการเอาชนะมัน ที่ทำให้ปัญหาลุกลามไปกว่านั้น ริคคาโดไม่เคยพยายามเข้าใจสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่เลย

บอกเลยนะคะว่า ตอนต้นเรื่อง เกลียดพระเอกมาก ๆ เพราะเรื่องเล่าจากมุมมองของนางเอกเป็นหลัก แล้วเรารู้สึกว่า เขาไม่พยายามเข้าใจปัญหาที่ลิลลี่มี และปฏิบัติต่อเธอเสมือนเป็นแค่ตุ๊กตาที่เขาอยากได้มาประดับข้างกาย

แต่เมื่อเรื่องดำเนินไป เราก็ได้รู้เรื่องมากขึ้น และ (เช่นเดียวกับลิลลี) เรียนรู้ว่า เรื่องทุกอย่างมีสองด้านเสมอ และลิลลี่เองก็ไม่ใช่ว่า จะไม่มีความผิด เธอปกปิดตัวตนของตัวเอง ด้วยความรู้สึกว่า ต่ำต้อยเกินกว่าจะเป็นภรรยาของริคคาโดได้ ว่าเขาจะปฏิเสธเธอ หากรู้ปัญหาของเธอ นั่นทำให้เราเข้าใจความอึดอัดของพระเอก เพราะภรรยาของเขาไม่เคยเปิดใจให้

เราว่าเรื่องนี้เขียนปัญหาที่เกิดในชีวิตคู่ของพระนางได้ดีค่ะ แม้จะมีการเอาพล็อตมือที่สามมายุ่งเกี่ยวด้วย แต่เรารู้สึกว่า มีอะไรลึกมากกว่านั้น

โดยรวมถือเป็นเรื่องแนวเพรสเซ่นส์ที่ตอบโจทย์ที่เราอยากได้ทุกอย่าง น้ำเน่า แต่บีบอารมณ์มาก ๆ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ทำให้เราอยากอ่านงานของนักเขียนคนนี้ต่อ

คะแนนที่ 70



View all my reviews

Tuesday, January 14, 2014

Review: Full Throttle


Full Throttle
Full Throttle by Erin McCarthy

My rating: 4 of 5 stars



อ่านเรื่องชุดนี้ติด ๆ กันไปหลายเล่ม ความรู้สึกตามตรงของเราก็คือ รู้สึกว่า เรื่องราวคล้ายกันไปหมด จนจำแทบไม่ได้ว่า เล่มไหนเป็นเล่มไหน และเล่มที่ประทับใจสุดก็ยังคงเป็นเล่มแรกในชุด ซึ่งก็คือ Flat-out Sexy เรื่องที่พระเอกอ่อนกว่านางเอก ซึ่งเข้าทางชอบเด็กของเรา

ดังนั้นแม้จะซื้อเรื่องนี้มา แต่ไม่ตั้งใจจะอ่านเลยค่ะ จนกระทั่งเหลือบไปเห็นรีวิวที่เพื่อนของเราเขียน (ปกติเราไม่อ่านรีวิวเท่าไหร เพราะกลัวสปอยล์ชนิดเหมือนคนโรคจิต แต่พอเหลือบแล้วก็เลยอ่านสักหน่อย) เลยทำให้รู้ว่า เรื่องนี้มีองค์ประกอบหลายอย่างที่เราเห็นแล้วตาลุกวาว ชนิดอยากกลับบ้านไปค้นหนังสือมาอ่านทันที (ตอนนี้เนื่องจากย้ายบ้านใหม่ หนังสือมีที่อยู่อย่างผาสุก เราก็เลยไม่ได้เอาหนังสือมากองรวม ๆ กันไว้ที่หัวเตียงอีกต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่เวลาจะหาหนังสืออ่าน ต้องไปเปิดตู้ยืนเลือก)

องค์ประกอบอะไรที่ทำให้เกิดอาการอยากอ่านซะขนาดนั้น

พระเอกที่เด็กกว่านางเอก
ฐานะทางสังคมที่นางเอกเหนือกว่า (แต่ในห้องนอนพระเอกเหนือกว่านะ)
เรื่องราวที่บังคับจำเป็นให้ทั้งสองต้องแต่งงานกัน

ซึ่งเล่มนี้มีองค์ประกอบทั้งหมดนั่น แต่ที่เหนือกว่านั้นก็คือ การเขียนที่น่าอ่านและสนุกมากมาย เรียกกว่าอ่านแล้วติดหนึบ วางไม่ลง ผสมกับฉากรักร้อนแรงเข้าทางของเรา พระเอกที่เป็นเด็กน้อย (อายุแค่ยี่สิบห้า) แต่มีความเป็นผู้ใหญ่ และมั่นใจในตัวเองมาก

ความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกและนางเอกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราชอบเล่มนี้มากกว่างานเขียนหลาย ๆ เล่มของคนแต่งคนนี้ เพราะเรารู้สึกว่า ทั้งคู่ยอมรับกันและกันได้อย่างแท้จริง แม้ว่าทุกอย่างจะเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว (และร้อนแรงมาก)

ชอน แฮมบี้ (นามสกุลทำให้เรานึกถึงหนูแฮมสเตอร์) รับคำท้าของเพื่อนสนิทไปเที่ยวผับที่ให้บริการผู้มีรสนิยมที่นิยมเซ็กส์แนว BDSM แต่โลกก็ช่างบังเอิญเสียเหลือเกินที่เมื่อเธอได้พบกับเร็ทต์ ฟอร์ด น้องชายของสามีของเพื่อนสนิท ที่ไม่ได้ไปที่ผับตามคำท้า แต่ไปเพราะมันคือรสนิยมของเขา เมื่อแรกพบทั้งคู่ไม่รู้ถึงความเกี่ยวข้องที่มีต่อกัน แต่ประกายไฟก็ดึงดูดทั้งคู่เข้าหากัน แม้ว่าชอนจะคิดว่าเร็ทต์โกหกเรื่องชื่อของเขา (ตั้งแต่เร็ทต์ บัทเลอร์ พระเอกของเรื่อง Gone with the wind) ทำให้เธอบอกเขาว่า ตัวเองชื่อสการ์เล็ต (นางเอกของเรื่องนั้น) ดังนั้นเมื่ออีฟ (เพื่อนของชอน และพี่สะใภ้ของเร็ทต์) เห็นน้องชายคนเล็กของสามีมาปรากฎตัวในสถานที่แบบนี้ เธอจึงรีบเผ่นออกไปทันที (พร้อมชอนและเพื่อนคนอื่น ๆ) เพราะทำใจเห็นภาพเด็กน้อย (ในสายตาของอีฟ) กับเซ็กส์แบบพิศดารไม่ได้ ทำให้เร็ทต์ไม่รู้ชื่อจริง หรือได้เบอร์โทรศัพท์ของหญิงสาวที่เขาปิ๊งตั้งแต่ในครั้งแรกที่เห็น

แต่แล้วความก็แตกในงานสังสรรของคนในตระกูลฟอร์ด ที่ซึ่งเร็ทต์รู้ว่า ชอนคือใครกันแน่

เรื่องนี้เริ่มต้นได้น่าอ่านมาก ๆ แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ไม่สมจริง เราคิดว่า การพบกันของเร็ทต์และชอนดูบังเอิญเกินเหตุ แต่เมื่อทั้งคู่ได้พบกันแล้ว ขอบอกว่าหน้ากระดาษแทบไหม้ มันไม่ใช่เพราะฉากเซ็กส์ เรื่องไม่ได้ไปไกลอะไรแบบนั้น แต่เป็นการต่อเชื่อมกันของตัวละครที่อ่านแล้วน่าเชื่อมาก ๆ เราเข้าใจเลยว่า ทำไมพระเอกถึงมองเห็น และต้องการนางเอก (และในทางกลับกันของนางเอกด้วย)

เราชอบบทสนทนาในเรื่อง (ของทุกตัวละคร) อ่านแล้วเป็นธรรมชาติ และทำให้หัวเราะออกมาเสียงดังหลายครั้ง แล้วเราก็ชอบคาแร็คเตอร์ โดยเฉพาะพระเอก หลายอย่างในเล่มนี้เตือนให้เรานึกถึงหนังสือที่เราชอบมาก ๆ เรื่อง The Fortune Hunter ของ Jasmine Haynes (ที่พระเอกแต่งงานกับนางเอกเพื่อเงิน) เราชอบความเป็นผู้ใหญ่ของเร็ทต์ และการที่เขาไม่มีปัญหากับสถานะทางสังคมที่สูงกว่าของนางเอก เขารู้จัก และยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น ไม่มีความคิดว่า ตัวเองต้อยต่ำเกินไป หรือไม่คู่ควรกับนางเอก ซึ่งทำให้เขาแตกต่างจากพระเอกที่อยู่ในสถานภาพแบบเดียวกับเขาหลายคน

นางเอกเป็นสไตล์ของคนแต่งคนนี้ หญิงสาวที่ไม่มั่นใจในตัวเองบางครั้ง เปิ่น ๆ บางครั้ง ยิ่งเมื่อมาอยู่ในความสัมพันธ์กับสามีที่เธอจ้างให้แต่งงาน (ตามพินัยกรรม) คนที่เด็กกว่า แม้เขาจะออกอาการคลั่งไคล้เธอมาก ก็ยังมีความไม่มั่นใจออกมา ซึ่งเราเข้าใจได้

ช่วงท้ายเรื่องผ่อน ๆ ลงไปหน่อย ความสนุกไม่เท่ากับช่วงต้นเรื่อง แต่สำหรับเราก็ยังคิดว่า นี่คือหนังสือที่ดีที่สุดของเอริน แม็คคาร์ธี้ที่เราได้อ่านมาเลยค่ะ

คะแนนที่ 80



View all my reviews

Friday, January 3, 2014

Review: This Man Confessed


This Man Confessed
This Man Confessed by Jodi Ellen Malpas

My rating: 4 of 5 stars



หลังจากรู้สึกเนื่อย ๆ ไปกับเล่มสองในชุด (Beneath this Man) เราก็เลยวางเล่มนี้ไว้ก่อน แล้วหันไปอ่านเล่มอื่น แต่ก็แค่แป๊บเดียวเท่านั้นล่ะค่ะ ความคิดถึงความบ้า โรคจิตนิด ๆ ของพระเอกก็กลับมา เราจึงหยิบเล่มนี้อ่านต่อเลย

และคิดว่า วิธีการที่เราแนะนำไปตอนเขียนรีวิวเล่มสองเป็นสิ่งที่ถูกนะคะ สำหรับคนที่ยอมรับคาแร็คเตอร์ของเจสซี วาร์ดได้ เราแนะนำว่า ไม่ควรเสพเกิดสองเวลาหลังอาหาร หรือขณะที่ท้องว่าง กล่าวคือ อ่านจบไปเล่มนึงแล้ว ควรหันไปอ่านเรื่องอื่นก่อนแทน จากนั้นค่อยกลับมาหยิบอ่านต่อ ความสนุกมันจะเพิ่มมากขึ้นมาเอง

เล่มนี้ว่าไปแล้ว พล็อตเรื่องก็ไม่ได้หนีไปจากสองเล่มแรกนัก เรื่องราวความรัก ความคลั่ง ความหลงอย่างสุดขั้นที่เจสซี และเอวามีให้ต่อกัน ดำเนินรอยตามสองเล่มแรก แต่เราชอบเล่มนี้มากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากเจสซีจะออกอาการบ้าตามปกติของเขาแล้ว เอวาก็หลุดโลกตามเขาไปด้วย ขอบอกว่า อ่านแล้วชอบมากที่นางเอกออกอาการหึงชนิดอัดไม่ยั้งต่อบรรดาหญิงสาวที่หลงเสน่ห์สามีของเธอ (เริ่มต้นเล่มนี้คือพิธีแต่งงานระหว่างเอวาและเจสซี) อ่านแล้วนางเอกได้ใจค่ะ ไม่มีหงิม ๆ แอบมาร้องไห้มุมห้อง ชีด่าไม่ยั้ง แล้วออกอาการหวงชัดเจน

จุดเด่นของเล่มนี้ก็คือ สำหรับแฟนที่ชอบเรื่องชุดนี้ (ซึ่งเราเป็นหนึ่งในนั้น) ภาษาพิเศษ คำบางคำที่มีความหมายแอบแฝงเฉพาะที่แฟนหนังสือเท่านั้นที่จะรู้ถูกนำมาใช้เยอะมาก อ่านแล้วเหมือนอยู่ในสมาคมลับ เข้าใจกับคาแร็คเตอร์กันอยู่สองคน ไม่ว่าจะเป็นการนับถอยหลัง (สาม, สอง, หนึ่ง, ศูนย์), อาการ Jesse Cloud Nine), การมาเป็นเพื่อนกัน, หรืออะไรอีกมากมาย

สรุปว่า เราเป็นหนึ่งในคนที่ชอบเรื่องชุดนี้ค่ะ

เหมือนอย่างที่บอกไปตอนเขียนรีวิวเล่มแรก (This Man) เราคิดว่า หนังสือชุดนี้สร้างความแตกแยกให้กับคนอ่าน เราคิดว่า หาจุดกึ่งกลางยากนะคะ คือถ้าชอบก็จะชอบมาก แต่ถ้าไม่ชอบ ก็จะยอมรับไม่ได้เลย

สำหรับเราชอบเรื่องชุดนี้เพราะชอบพระเอก เราคิดว่าเขามีความเป็นพระเอกแนวแอนน์ สจ๊วตอยู่ไม่น้อย (อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ) เจสซีไม่เคยปกปิดความรัก ความหวง ความห่วง ความคลั่งไคล้ที่เขามีให้กับเอวาเลย เขาไม่ใช่คนที่ประหยัดคำพูดว่ารัก เขาไม่เคยสงวนท่าที ไม่แคร์ว่าใคร หรือสังคมจะคิดยังไง เขาเป็นตัวของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็คือผู้ชายที่มีข้อเสีย บางคนอาจจะมองว่า มากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ หนึ่งในหลายข้อที่อาจจะเป็นประเด็นปัญหาก็คือ การที่เขามีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงคนอื่น หลายคน ในขณะที่ยังคบกับเอวาอยู่ แต่สำหรับเรามองอีกแง่นึงนะคะ ตอนนั้นเอวาขอเวลานอก เพื่อพักหายใจ แน่นอนว่าเจสซีทำไม่ถูก แต่นั่นคือเขา เมื่อผสมกับเหล้า ก็ไม่มีสติพอที่จะห้ามตัวเองได้ เราไม่ได้ให้อภัยเขานะคะ แต่ด้วยเนื้อเรื่อง และทิศทางที่คนแต่งพาไป เราลืม ๆ มันไป

และเราก็ชอบนางเอก เธอดูโลเลในบางครั้ง (ความโลเลในแง่ที่ว่า จะเลิกกับเจสซี แล้วก็ไม่เลิก ไม่ใช่โลเลไปหาผู้ชายคนอื่น) แต่ในเล่มนี้เอวาได้ใจเราค่ะ ด้วยลูกบ้าของเธอ

ดังนั้นแม้เราจะให้คะแนนชุดนี้ค่อนข้างเยอะ ก็อยากเตือนไว้ล่วงหน้าน่ะค่ะ ลองหา Sample Chapter มาอ่านดูกันก่อนนะคะว่า ยอมรับคาแร็คเตอร์หลุด ๆ พวกนี้ได้ไหม ก่อนที่จะทุ่มลงไปสุดตัวด้วยการซื้อหนังสือมาอ่าน

คะแนนที่ 80



View all my reviews

Review: Beneath This Man


Beneath This Man
Beneath This Man by Jodi Ellen Malpas

My rating: 3 of 5 stars



หลังจากเล่มแรกจบไปแบบค้างคา เราก็จำเป็นต้องหยิบเล่มสองขึ้นมาอ่านทันที แต่บอกตามตรงนะคะว่า หลังจากอ่านไปแล้ว เราอยากแนะนำคนที่คิดจะอ่านเล่มนี้ต่อเนื่องจากเล่มแรกทันทีว่า อย่าทำเลยค่ะ เพราะในความหลงใหลที่เรามีให้กับพระเอก และเนื้อเรื่องที่ออกจะบ้าหลุดโลกไปอย่างเรื่องชุดนี้ การอ่านติดต่อกันสองเล่ม (รวมพันหน้า) มันก็มากเกินไป

ดังนั้นความรู้สึกที่เรามีต่อเล่มนี้จึงเกิดจากอาการเจสซีโอเวอร์โหลดค่ะ คืออ่านมากเกินไป และเริ่มรู้สึกว่า ทุกอย่างมันซ้ำซาก เหมือนเดิม และอาจจะมากเกินไป

ในแง่นึงเล่มนี้เหมือนกับการเอาเล่มแรกมาเล่าใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเอวา และเจสซีดำเนินต่อเนื่อง และเพราะความลับที่ถูกเปิดเผยตอนท้ายของเล่มแรก ก็เหมือนจะทำให้ทุกอย่างต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เรื่องนี้ในเล่มนี้จึงเหมือนการเอาเล่มแรกมาเล่าซ้ำอีกครั้ง เหตุการณ์หลายอย่างก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดในเล่มแรก เจสซียังคงบ้าเหมือนเดิม เอวาเริ่มบ้ามากขึ้น แต่เรารู้สึกว่า ทุกอย่างมันย่ำอยู่กับที่

ความเพลิดเพลินที่ได้จากการอ่านเล่มนี้จึงลดน้อยลง เราอ่านเล่มนี้ช้าลง หลายครั้งเราไม่รู้สึกว่า น่าสนใจอีกต่อไป และนั่นคือที่มาของความรู้สึกเบื่อหน่ายเวลาที่อ่าน

เราคงไม่เล่าพล็อตเรื่องอะไรเพิ่มเติมนะคะ เพราะความจริงก็คือ พล็อตเรื่องแทบจะไม่ใช่ส่วนที่มีความสำคัญเลย เราคิดว่า คนอ่านจะชอบเรื่องชุดนี้หรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับการยอมรับคาแร็คเตอร์ของพระเอก และนางเอกได้หรือไม่ ทั้งคู่ไม่ใช่คนปกติ อาจจะไม่ใช่คนที่เราอยากรู้จักในชีวิตจริง แต่ความบ้าของพวกเขาทำให้เรื่องน่าสนใจ

ต่อไปเป็นสปอยล์เล็ก ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้นะคะ ประเด็นที่เราคิดว่า น่าจะพูดถึง

เราชอบปมด้อยเกี่ยวกับอายุของเจสซี อ่านหนังสือมาหลายเรื่องนะคะที่พระเอกแก่กว่านางเอกมาก ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นอะไรเท่าไหร แต่ในเรื่องนี้เจสซีรู้สึกมาก ๆ ถึงขนาดไม่ยอมบอกอายุตัวเองให้เอวารู้ ทำเอาเป็นคำถามที่นางเอกของเราต้องถามเขาหลายต่อหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็บอกอายุไม่ตรงกันสักครั้ง เราคิดว่า น่ารักดีค่ะ

ประเด็นเรื่องอาการติดเหล้าของเจสซี เราอ่านรีวิวของหลายที่ รวมทั้งคนที่ไม่ชอบเรื่องชุดนี้ เราเห็นด้วยนะคะว่า วิธีการที่คนแต่งจัดการกับประเด็นนี้ไม่ถูกตามหลักที่ควรจะเป็น นี่เป็นส่วนที่ไร้สาระ และไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร เราเห็นด้วยค่ะ แต่เราคิดว่า ประเด็นที่ไม่ค่อยถูกต้อง เช่นเจสซีไม่ได้ติดเหล้า เขาจะหยุดดื่มเมื่อไหรก็ได้ นั่นเป็นคำพูดของเพื่อนของเขา ไม่ใช่ความจริง แน่นอนว่าในเรื่องไม่เคยพูดถึงประเด็นนี้โดยทำให้มันกลายมาเป็นเรื่องใหญ่ แต่ด้วยทิศทางของเรื่องชุดนี้ --- คือไม่มีสาระอะไรให้คิด เราก็เลยไม่ได้ถือเอาเป็นข้อเสีย กล่าวคือสรุปง่าย ๆ เราให้อภัยได้นั่นเอง

โดยรวมเราคิดว่าเล่มนี้เหมือนการเอาเล่มหนึ่งมา repeat อีกรอบ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้อ่านต่อเนื่องจากเล่มแรก ซึ่งเข้าใจค่ะว่า ทำได้ยาก เพราะเล่มแรกมันจริงแบบค้างเติ่ง

คะแนนที่ 70



View all my reviews

Review: This Man


This Man
This Man by Jodi Ellen Malpas

My rating: 4 of 5 stars



ในเช้าวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่า เราตื่นขึ้นมาแบบมึน ๆ (เพราะนอนดึก ไม่ได้ไปฉลองอะไรหรอกนะคะ) พร้อมกับความรู้สึกว่า อยากอ่านหนังสือเรื่องนี้อย่างรุนแรง ไม่มีเหตุผลอะไรเป็นชิ้นอัน แค่อยากอ่าน

ก่อนจะเริ่มอ่าน เราได้ยินคนพูดถึงหนังสือเล่มนี้ (และชุดนี้) เยอะมาก จำได้ว่า ตอนที่ไปงาน RWA ปีที่ผ่านมา (2013) เล่มสุดท้ายในชุดนี้ (เรื่อง This Man Confessed) ขึ้นถึงอันดับหนึ่งของ NYT ซึ่งทำเอาเราตกใจอย่างมาก เพราะรู้นะคะว่า ดัง แต่ไม่คิดว่าจะดังขนาดนั้น

ด้วยความเป็นคนบ้าพรินต์บุ๊ค ก็เลยรอจนพรินต์บุ๊คออกมาครบสามเล่มก่อน สะสมต้นฉบับเอาไว้ กะว่าจะอ่านทีเดียว แต่ก็บอกตามตรงว่า เราไม่คิดนะคะว่า จะอ่านเรื่องชุดนี้ในเร็ววัน เพราะอย่างที่เราบอกย้ำไปหลายครั้ง เรารู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องสไตล์ฟิฟตี้เชดออฟเกรย์มาก และเล่มนี้ดูยังไงยังไงก็เข้าแนวที่เดินรอยตามสูตรสำเร็จของฟิฟตี้เชด

เริ่มตั้งแต่นางเอกเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา พระเอกที่สูงวัยกว่า แต่เจนโลก รวยล้นฟ้า แถมมีความลับดำมืด รสนิยมทางเพศแบบแปลก ๆ นั่นคือสิ่งที่เราคิดว่าเรื่องชุดนี้เป็น ดังนั้นเราจึงไม่คิดค่ะว่า จะเริ่มอ่าน

แต่ในเช้าวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่า อะไรบางอย่างก็ดลใจให้เราไปหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน จากนั้นก็เกิดอาการสติแตกกระเจิงไปเลย เข้าใจอาการที่นางเอกเป็นเกือบทั้งชุด รวมไปถึงคนอ่านหนังสือชุดนี้หลายคนเป็นกัน อาการที่เรียกว่า Central Jesse Cloud Nine หรืออาการคลั่งเจสซี พระเอกของเรื่อง

ก่อนจะเริ่มรีวิว เราคงต้องบอกเลยนะคะว่า หนังสือเล่มนี้ (หรือชุดนี้) ไม่มีอะไรที่เป็นกลาง เราคิดว่า คนที่อ่าน ถ้าไม่ชอบเรื่องนี้ ก็คงจะเกลียดไปเลย สำหรับเราคือกลุ่มที่ชอบค่ะ เรารู้นะคะว่า มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีเหตุผล งี่เง่า ไร้สาระ เป็นไปไม่ได้ แต่ความสนุกที่เราได้จากการอ่านเรื่องนี้ มันมากพอที่จะกลบทุกอย่าง สำหรับเราเหมือนการได้นั่งดูหนังสัตว์ประหลาดทุนต่ำเกรดบี ที่คนอื่นอาจจะไม่ต้องรสนิยม แต่สำหรับเรา นั่นมีค่าราวกับภาพยนตร์ที่ได้ออสการ์ เราเปรียบเทียบแบบนี้จริง ๆ นะคะ หนังสือชุด This Man คือหนังสัตว์ประหลาดทุนต่ำเกรดบีที่เราคลั่งไคล้หนักหนา

เอวา โอเชย์สาววัยยี่สิบหกปีที่กำลังสนุกกับอิสระในการใช้ชีวิต หลังจากที่เพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มที่คบหากันมาหลายปี เธอเป็นนักออกแบบภายในที่เริ่มประสบความสำเร็จ ผลงานในการตกแต่งอพาทเมนต์สุดหรูกลางในกรุงลอนดอนทำให้ชื่อเสียของเธอเริ่มเป็นที่รู้จัก และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอถูกเรียกตัวให้ไปทำงานตกแต่งภายในบ้านพักในชนบทที่มีชื่อว่า เดอะแมนเนอร์

สถานที่ที่เอวาเข้าใจว่า เป็นโรงแรมหรูดูความท้าทายที่เอวากำลังต้องการ แต่งานในเดอะแมนเนอร์ไม่ได้ทำให้หัวใจของเธอปั่นป่วนเท่ากับเจ้าของคฤหาสถ์แห่งนี้ ชายผู้มีนามว่า เจสซี วาร์ด หรือชายคนที่เป็น This Man ของเรา

พล็อตเรื่องค่อนข้างตามรอยฟิฟตี้เชดออฟเกรย์นะคะ คือหลังจากได้เจอกันเพียงแค่ครั้งเดียว พระเอกผู้เป็นชายที่ร่ำรวย ประสบความสำเร็จ ก็เกิดอาการคลั่งรักไล่ล่า ไล่ตามนางเอกที่ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงธรรมดา ๆ คนนึง แต่สิ่งที่เราชอบในเรื่องชุดนี้ (และอาจจะเป็นสิ่งที่คนอ่านคนอื่นทนไม่ได้) ก็คือคาแร็คเตอร์ของพระเอก ที่บ้าได้ใจ

ไม่มีการเก็บอาการ วางฟอร์ม หรืออะไรทั้งสิ้น เมือเจสซีต้องการเอวา เขาก็ต้องการเอวา และคนทั้งโลกก็รับรู้มัน เราชอบที่เจสซีไม่แคร์สังคม ไม่สนใจอไรทั้งสิ้น ไม่มีอะไรมาขวางกั้นเขากับเอวาได้ ฉากที่พระเอกของเราหลอกล่อนางเอกให้เข้าไปในห้องนอน แล้วทำทีเป็นนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำในสภาพกึ่งเปลือย (เพื่อเร้าใจนางเอก เพราะรู้อยู่ว่า นางเอกก็หลงใหลเขาอยู่ไม่น้อย) บ่งบอกนิสัย (หรือสันดาน) ของพระเอกมาก ด้วยอะไรบางอย่าง เราชอบความ "บ้า" ของพระเอกค่ะ และนี่ทำให้หนังสือเล่มนี้เวิร์คสำหรับเรา

ที่มากไปกว่านั้น เราชอบนางเอก เพราะเธอก็บ้าไม่แพ้กัน เอวาแตกต่างจากนางเอกของเรื่องแนวนี้หลายคนตรงที่เธอไม่ได้ไร้เดียวสาซะทีเดียว เราชอบที่คนแต่งเขียนให้เธอเคยมีความสัมพันธ์มาก่อนกับคนอื่น เธอมีอาชีพที่กำลังก้าวหน้า มีเงินเป็นของตัวเอง อาจจะไม่มากเท่ากับพระเอก แต่เธอไม่ได้อยู่สภาวะตกถังข้าวสาร หรือช่วยตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่า การกระทำและการตัดสินใจหลายอย่างของเอวาสร้างคำถามให้กับคนอ่าน วินาทีนึงเธอบอกว่าไม่ต้องการเจสซี แต่แล้วก็วิ่งกลับไปหาเขา แต่สำหรับเราเธอเป็นนางเอกที่เหมาะกับเขาค่ะ เพราะเมื่อพระเอก "บ้า" ขนาดนี้ นางเอกสติดี ๆ คงเอาเขาไม่อยู่

เราอ่านเล่มนี้จบในเวลาอันรวดเร็ว อ่านไปก็กรี๊ดเจสซีไป รู้สึกผิดไปเล็ก ๆ ที่ตัวเองดันไปชอบพระเอกสไตล์แบบนี้ แต่เล่มนี้เป็นหนังสือไม่กี่เล่มนะคะที่เรารู้สึกหลงรูปของพระเอกอย่างจริงจัง รู้สึกว่า คนแต่งถ่ายทอดเสน่ห์ของชายคนที่ชื่อเจสซี วาร์ดได้อย่างชัดเจนเห็นภาพ (และทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมนางเอกถึงได้ไร้สติไปถึงขนาดนั้น)

เรื่องนี้จบแบบค้างคา มาแนวเดียวกับฟิฟตี้เชดค่ะ ที่นางเอกเลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตของพระเอก หลังจากค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับเขา และนั่นหมายความว่า เราต้องหยิบเล่มสองมาอ่านทันที

ท่ามกลางความไร้สาระ คาแร็คเตอร์ที่งี่เง่าไม่มีเหตุผล แต่เป็นหนังสือที่อ่านเพลินที่สุดเล่มนึงสำหรับเรา คะแนนที่ 78



View all my reviews