Monday, July 1, 2013

Review: As You Wish


As You Wish
As You Wish by Eloisa James

My rating: 3 of 5 stars



เล่มนี้เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นสองเรื่องเข้าไว้ด้วยกัน โดยเรื่องแรกเป็นเรื่องราวของพ่อแม่ของพระเอกในเรื่องที่สอง ส่วนเรื่องของพ่อแม่นางเอกอยู่ในหนังสืออีกเล่มคือเรื่อง The Ugly Duchess

Seduced by the Pirate

หลังจากใช้เวลาหลายปีเป็นโจรสลัด ในที่สุดเซอร์กริฟฟิน แบร์รีก็กลับบ้าน เพื่อไปหาภรรยาที่ไม่เห็นหน้ากันมาสิบกว่าปี ภรรยาที่ไม่ทันจะได้เข้าหอกันด้วยซ้ำ การกลับไปเผชิญหน้ากับอดีตไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ถึงเวลาเสียที

เรื่องนี้สมกับเป็นเรื่องสั้นนะคะ นั่นก็คือไม่มีอะไรเลย เราอ่านไปแบบผ่าน ๆ ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทั้งที่พล็อตส่วนที่ฟีบี้ ภรรยาของเขามีอายุมากกว่า ปกติจะทำให้หัวใจเราเต้นแรงได้ (เพราะเป็นพล็อตแนวโปรด) ก็ยังรู้สึกเฉย ๆ เรื่องราวตามสูตร เพราะทั้งสองไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน (กริฟฟินถึงขนาดจำชื่อเมียผิด เอาไปตั้งชื่อเรือว่าป๊อปปี้ ทั้งที่เธอชื่อฟีบี้) ซึ่งเมื่อรู้จักกัน ก็ตกหลุมรักกันและกัน

คงเสียดายเงินค่ะ ถ้าไม่มีเรื่องที่สอง

With this kiss

เล่มนี้เป็นเรื่องของรุ่นลูก และถือว่าเรื่องค่อนข้างยาวสักหน่อย อาจจะไม่ถึงกับเป็นนิยายเต็มเล่ม แต่ก็มีพื้นที่มากพอที่จะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้

เลดี้เกรซ เรย์เบิร์น หลงรักคอลิน แบร์รีตั้งแต่เด็ก เธอไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหน แต่ทุกครั้งที่ครอบครัวเธอและเขาได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน เกรซเฝ้ามองคอลินซึ่งโตกว่า และเป็นเหมือนวีรบุรุษสำหรับเธอ แต่ก็เหมือนเด็กที่โตกว่า คอลินไม่ค่อยได้สนใจเกรซนัก โดยเฉพาะเมื่อเขามีสิ่งที่สนใจมากกว่าอยู่

ตลอดชีวิตคอลินใฝ่ฝันการเดินเรือ และการเป็นทหารเรือก็เป็นหนทางเดียวที่ทำให้เขาได้เข้าใกล้ความฝัน (เพราะคงเป็นโจรสลัดแบบบิดาไม่ได้แน่) แต่ชีวิตทหารไม่ใช่เรื่องง่าย เวลายิ่งผ่านไป ความเลวร้ายจากประสบการณ์ของการออกรบยิ่งกัดกร่อนจิตใจของคอลิน ดังนั้นแม้อาชีพทางการทหารจะก้าวหน้า คอลินก็เริ่มสูญเสียตัวตนของตัวเองไปอย่างช้า ๆ และดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวที่ดูออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

เป็นเวลากว่าสิบปีที่จดหมายของเกรซที่เขียนมาหาเขา ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เป็นกำลังใจให้เขาทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ทำให้เขาฟันฝ่าอุปสรรค แต่ก็เพราะเกรซเป็นคนที่รู้จักเขาดีที่สุดนั่นเอง ที่ทำให้คอลินไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอ เพราะเธอมองเห็นลึกเกินไป ทำให้เมื่อเขาได้รับอนุญาตให้ลาพัก และกลับมาที่ลอนดอน คอลินดีใจที่ไม่เจอกับเกรซ และน้องสาวของเธอเป็นเสมือนความสนใจของสาวแรกรุ่น เป็นแสงสว่างที่เขาคิดว่าตัวเองต้องการ คอลินจึงหลงเชื่อว่า ตัวเองตกหลุมรัก มากขนาดขอแต่งงาน

นั่นเป็นการทำลายหัวใจของเกรซ ทำให้ในที่สุดเธอก็รู้ว่า ตัวเองโง่แค่ไหนที่เขียนจดหมายไปหาผู้ชายที่แทบไม่เคยตอบจดหมายของเธอ หญิงสาวตัดใจ และคิดเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่ต้องการเธออย่างแท้จริง

เรื่องนี้เริ่มต้นช้า ๆ ช่วงกลางเรื่องบีบหัวใจแบบอ่านไปถอนหายใจไป โดยเฉพาะตอนที่เกรซเริ่มตัดใจจากคอลิน เราแทบส่งเสียงเชียร์แบบออกนอกหน้า พระเอกใจร้ายมาก ๆ ตอนที่เขาหันไปหาน้องสาวของเกรซ เราเข้าใจเหตุผลที่คนแต่งอธิบาย คอลินต้องการในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองต้องการ แต่ไม่ใช่คนที่เขาต้องการอย่างใจจริง ฉากที่เขารับรู้ว่า คนที่เขารักอย่างแท้จริงคือ เกรซ และมันอาจจะสายเกินไป เรารู้สึกสมน้ำหน้ามาก ๆ เรารู้ว่า เป็นโรแมนซ์ และคงจะลงเอยด้วยดี แต่ก็สมน้ำหน้าค่ะ สะใจดี

ช่วงท้ายเรื่องด้อยลงไป คงเพราะเรื่องสรุปง่าย เราอยากเห็นคอลินคุกเข่าขอร้อง และไถ่โทษ มันไม่เกิดขึ้น น่าผิดหวังค่ะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หนังสือไม่สนุกนะคะ แค่ไม่ได้ดั่งที่ใจเราคาดหวังไว้เท่านั้นเอง

โดยรวมเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวที่อ่านสนุก ปูเรื่อง และเล่าเรื่องได้ดี

คะแนนเฉพาะเรื่องนี้ 63



View all my reviews

Review: Lord of Wicked Intentions


Lord of Wicked Intentions
Lord of Wicked Intentions by Lorraine Heath

My rating: 4 of 5 stars



หลังจากชอบเล่มหนึ่งมาก ๆ ผิดหวังกับเล่มสอง แต่ยอมรับว่า หยิบเล่มสามมาอ่านแบบทันที เพราะคาแร็คเตอร์ในเล่มนี้ น่าสนใจที่สุด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามีบทบาท

ลอร์ดเรฟ อีสตัน ลูกชายคนเล็กของดยุค เขาอายุสิบขวบตอนที่พี่ชายทั้งสองทิ้งเขาเอาไว้ในศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า (ที่ไม่มีอะไรเหมือนกับที่เป็นในปัจจุบัน เพราะที่นั่นเด็กต้องทำงานหาเงินให้กับเจ้าของศูนย์) จากเด็กน้อยที่เป็นลูกรัก คนที่ถูกทะนุถนอมมาตลอดชีวิต ทุกอย่างที่เรฟรู้จักเปลี่ยนแปลงเพียงชั่วพริบตา

สิบสองปีต่อมา เมื่อเขาได้พบกับพี่ชายทั้งสองอีกครั้ง ไม่มีอะไรเหมือนเดิม จากเด็กชายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เรฟกลายเป็นเจ้าของบ่อนการพนันผู้ร่ำรวย และทรงอิทธิพล เขาไม่จำเป็นต้องรอการกลับมาของพี่ชายทั้งสองด้วยซ้ำในการแก้แค้น แต่เขารอคอยการพบกันอีกครั้ง เพียงเพื่อจะพิสูจน์ว่า เด็กชายคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ ได้กลายเป็นชายหนุ่มผู้ไม่ต้องการใครในชีวิตอีก และเพื่อแสดงให้เห็นว่า เขาประสบความสำเร็จมากแค่ไหน

สามปีหลังจากนั้น แม้จะได้พบกับพี่ชาย และประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า ลอร์ดเรฟ อีสตันยังมีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและคนในครอบครัวก็ยังคงเหินห่าง เขายังคงเลือกที่จะอยู่ในโลกมืดแห่งลอนดอน เลือกที่จะไม่ใช่ชีวิตในฐานะของลอร์ดเรฟ ไม่มีอะไรที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้

คาแร็คเตอร์ของพระเอกเรื่องนี้สะกดเราเอาไว้ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาออกมามีบทบาทในเล่มแรก (She tempts the duke) เรียกว่า เราแทบจะวิ่งไปลัดคิวหยิบเล่มของเขามาอ่านซะงั้นเลย แต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ค่ะ ตลอดเวลาในสองเล่มแรก เรฟคือความลึกลับ ความน่าตื่นตาตื่นใจ เราอยากรู้ชีวิตของเขา อยากรู้ว่า เกิดอะไรขึ้น และใครจะมาทำลายกำแพงที่เขาสร้างขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นมีนามว่าเอเวอลีน เธอคือลูกนอกสมรสที่ได้รับการปกป้องจากท่านเอิร์ลผู้เป็นบิดา แต่เมื่อเขาเสียชีวิตลง พี่ชายต่างมารดา ผู้เป็นเอิร์ลคนใหม่ก็ฉวยโอกาสหาประโยชน์จากเธอ เขาจัดงานเพื่อวางแผนขายเธอให้กับคนที่ให้ราคาสูงสุด เพื่อเริ่มอาชีพเมียเก็บให้กับหญิงสาว ที่จนบัดนี้ก็ยังแสนซื่อคิดว่า พี่ชายกำลังหาคู่ครองสามีให้กับตัวเอง

เรฟถูกเชิญมางานประมูล เพียงเพราะเขาเป็นเจ้าหนี้ และมาดูศักยภาพในการหาเงินมาใช้หนี้ของพี่ชายของเธอ แต่เพียงแรกได้เห็น เขาก็ต้องการเธอ และอะไรที่เรฟอยากได้ เขาก็ได้ ชีวิตของเอเวอลีนกลายเป็นสมบัติของเรฟนับจากนั้น

เราไม่ชอบพล็อต ไม่ชอบนางเอกในตอนแรก เรารู้สึกว่า เธอใสซื่อจนน่ากลัวเกินเหตุ (นึกถึงเรื่อง Simply Love ของแคทเธอลีน แอนเดอร์สันมาก ๆ) แต่หลังจากที่เธอรู้ความจริง และเริ่มทำใจกับสถานภาพของตัวเองได้ เราเริ่มรู้สึกเป็นบวกกับเธอมากขึ้น และยอมรับเธอได้ในที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับตามตรงนะคะ เรื่องนี้เวิร์คสำหรับเรา เพราะคาแร็คเตอร์ของเรฟ ที่จับใจเราได้ ไม่ใช่เพราะนางเอก การที่เรฟเรียกเธอว่า อีฟ ตลอดทั้งเรื่อง สำหรับเราก็เป็นสัญลักษณ์เช่นกัน เพราะเอเวอลีนมันไม่ได้เรื่อง ตัวตนของเธอจึงเริ่มต้นเมื่อเธอกลายเป็นอีฟ สำหรับเรฟไป ดังนั้นเราจึงคิดว่า เรฟเป็นคนที่ทำให้นางเอกกลายมาเป็นคนที่เธอเป็น (และเรายอมรับได้ในที่สุด)

เรื่องนี้เวิร์คเพราะคาแร็คเตอร์ของพระเอก เรฟทำให้เรานึกถึงพระเอกในดวงใจของเรา (เดเร็ค คราเวน) คนที่ทำทุกอย่างเพื่อถีบตัวเองขึ้นมา ทำในสิ่งที่เลวร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ในระหว่างทางเขาไม่ได้เอาตัวรอดตามลำพัง (ไม่ว่า เขาจะคิดยังไงก็ตาม) ตอนจบของเรื่องที่หลายคนแห่ไปช่วยเขา อ่านแล้วซึ้งมาก ๆ และแสดงให้เห็นชัดเจนถึงสิ่งที่เรฟคิดว่า ตัวเองเป็น กับตัวตนที่เป็นอย่างแท้จริงของเขา มันคือคนละเรื่องกัน

เราอยากให้เรื่องใช้เวลาการคืนดีกันของสามพี่น้องให้มากกว่านี้ (อยากได้ bromance นั่นแหละ) อีกอย่างเราอาจจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมาก ๆ ก็ได้ เพราะพอความหลังของเรฟเปิดเผยออกมา มันดีกว่าที่เราคิดเอาไว้เยอะเลย (ไม่ได้หมายความเขาไม่ทรมานนะ แต่มันน้อยกว่าที่เรานึกว่าจะเป็น)

โดยรวมชอบพระเอกมาก ๆ เราชอบคาแร็คเตอร์แบบนี้อยู่แล้วล่ะค่ะ (เย็นชา ทนทุกข์ ทำในสิ่งที่เลวร้ายเพื่อเอาชีวิตรอด) พล็อตเรื่องไม่ค่อยโดนเท่าไหร แต่อ่านได้ ไม่ผิดหวังค่ะ

คะแนนที่ 75



View all my reviews

Review: Lord of Temptation


Lord of Temptation
Lord of Temptation by Lorraine Heath

My rating: 2 of 5 stars



ถ้าเล่มแรกในชุด (She tempts the duke) โดนใจเราอย่างแรง เล่มนี้ก็ต้องเป็นเล่มที่ทำให้เราผิดหวังอย่างแรงเช่นกัน เพราะหลังจากชอบเล่มแรกอย่างมาก มาถึงเล่มนี้ ให้ความรู้สึกเป็นคนละเรื่องกันเลย ไม่รู้ว่า เพราะเรากำลังอยู่บนจุดสูงสุดหลังจากอ่านเล่มแรกจบไป เล่มนี้จึงกลายเป็นความผิดหวังไปอย่างธรรมดา หรืออาจจะเพราะว่าเราคาดหวังเรื่องราวที่แตกต่างไปจากนี้ ไม่รู้สิคะ เราบอกได้แค่ว่า เราผิดหวังมาก ๆ

ลอร์ดทริสแทน อีสตัน น้องชายคนรอง หนึ่งในสามพี่น้องที่ต้องหนีจากการตามปองร้ายของผู้เป็นอา ทริสแทนถูกส่งไปออกทะเล เซบาสเตียน พี่ชายคนโต และดยุคคนปัจจุบันขายเขาให้กับกัปตันเรือ ทางนึงก็เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง ออกไปให้พ้นจากอังกฤษ เผื่อว่าอย่างน้อย ในสามพี่น้อง จะได้มีคนนึงรอดตายกลับมาล้างแค้นได้ ทริสแทนใช้ชีวิตนับจากนั้นบนเรือ เดินทางร่อนเร่ จากลูกเรือ กลายเป็นกัปตัน สะสมทรัพย์สินเงินทอง ได้ล้างแค้น (เหตุการณ์ในเล่มหนึ่ง) แล้วอะไรต่อล่ะ

นั่นคือชีวิตของทริสแทน เขาอาจจะเป็นลูกชาย และน้องชายของดยุค มีฐานะเป็นลอร์ดทริสแทน แต่ตัวตนของเขาก็ยังคงเป็นกัปตันเรือหยาบ ๆ คนนึง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสังคม สังคมที่ไม่ได้ต้องการเขาด้วยซ้ำ ดังนั้นหลังจากกลับมาครอบครองตัวตนที่แท้จริงอีกครั้ง เขาก็หายตัวไป กลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม

สองปีนับจากนั้น (จากเหตุการณ์ในเล่มแรก) ทริสแทนกลับมาถึงอังกฤษ และได้รับการติดต่อจากเลดี้ผู้สูงศักดิ์คนนึง ที่ต้องการให้เขาเดินเรือไปคาบสมุทรไครเมีย เพื่อพบกับคู่หมั้นของเธอ การเดินทางที่ทริสแทนไม่ยอมรับค่าโดยสารที่หญิงสาวเสนอให้ หากแต่เรียกร้องเป็นรอยจูบจากเธอ

ซึ่งถ้าเลดี้แอนน์มีทางเลือก เธอก็คงจะไม่ยอมตกลง แต่ทริสแทนทำให้กัปตันเรือคนอื่น ๆ ปฏิเสธเงินของเธอ และหญิงสาวมาถึงจุดที่เธอจะต้องออกไปจากอังกฤษ ไปเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย เพราะเธอไม่ได้ไปเยี่ยมคู่หมั้นที่ยังมีชีวิต แต่กลับเป็นการไปดูสถานที่เสียชีวิตของเขา

ทั้งสองเดินทางไปด้วยกัน ทริสแทนพร้อมกับแผนในใจที่จะครอบครองหญิงสาว ส่วนแอนน์ก็อยู่ในระหว่างการทำใจให้กลับมามีชีวิตอยู่ครั้ง หลังจากเสียชายคนรักไป

เรื่องนี้ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะคะ แต่ทิศทางของเรื่องไม่ใช่สิ่งที่เราคาดเอาไว้ อาจจะเพราะเราอ่านเรื่องแรกแล้วประทับใจกับพล็อตการกลับมาเผชิญหน้ากับสังคม การเรียกร้องการยอมรับ การกลับคืนสู่สถานะที่แท้จริงของตัวเอง ทำให้เราคิดว่า เรื่องนี้น่าจะดำเนินเรื่องไปในทางเดียวกัน แต่เล่มนี้ทริสแทนใช้เวลาเกินครึ่งเรื่องในฐานะของกัปตัวแจ๊ค อีกตัวตนนึงของเขา และเรื่องโฟกัสที่ความเสียใจของแอนน์

ซึ่งจริง ๆ เราก็คิดว่า เขียนได้ดีนะคะ เรื่องไม่ได้ทำให้แอนน์ตัดใจจากคนรักอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมีขั้นตอน ใช้เวลา

เหตุการณ์หลังจากทั้งคู่กลับมานั่นต่างหากที่เป็นประเด็นคาใจเราที่สุด เราอ่านแล้วไม่เข้าใจการกระทำของทริสแทน เขาอาจจะไม่ได้รับความนับถือจากคนในครอบครัวของแอนน์ แต่เขาก็ยังคงเป็นลอร์ดทริสแทน เขาได้ครอบครองแอนน์ตามต้องการ เขารู้ว่า ตัวเองต้องการแอนน์ แต่เขากลับนิ่งเฉย และจะปล่อยให้เธอแต่งงานกับชายอีกคน นอกจากนั้นการกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อเธอ เรามองว่า มันเป็นการไม่ให้เกียรติ เขามีปัญหา แต่นั่นหมายถึงว่า เขาเลือกชีวิตให้กับแอนน์นั้นเหรอ เขาต้องการให้เธออยู่กับเขา ใช้ชีวิตกับเขา แต่ไม่อาจให้สิ่งเดียวที่แอนน์ต้องการได้ (เขาไม่ต้องการแต่งงาน เพราะไม่อยากผูกมัด แต่เชิญชวนให้แอนน์ขึ้นเรือหนีไปจากอังกฤษกับเขา) อ่านเล่มนี้แล้ว อยากตบกระโหลกพระเอกค่ะ น่าหงุดหงิดมาก ๆ

พระเอกเป็นปัญหาของเรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจว่า ปัญหาของเขาคืออะไร แต่ไม่ว่ามันเป็นอะไร มันสร้างความวุ่นวายให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

คะแนนที่ 60



View all my reviews

Review: She Tempts the Duke


She Tempts the Duke
She Tempts the Duke by Lorraine Heath

My rating: 4 of 5 stars



พอจะรู้มาบ้างนะคะว่า เรื่องนี้สนุกใช้ได้ เพื่อนส่งเสียงบอกมาหลายคน แต่เราเลือกที่จะเก็บดองเอาไว้ก่อน ซึ่งถือว่า เป็นโชคดี เพราะเล่มนี้สนุกอย่างที่คาดจริง แถมเพราะดองเอาไว้จนจบชุด ก็เลยไม่ต้องนั่งรอ สามารถหยิบมาอ่านได้ทันที

พล็อตเรื่องน้ำเน่ามาก ชนิดเลียนแบบนิยายไทยมาเลย เมื่อเด็กชายสามคน ลูกชายของดยุคที่เพิ่งเสียชีวิตไป ถูกอาจับตัวไปขังไว้ พร้อมกับแผนการร้ายที่ต้องการฆ่าหลานชายทั้งสาม เพื่อที่ตัวเองจะได้ครอบครองบรรดาศักดิ์ และทรัพย์สมบัติของดยุค แต่ก่อนที่ทั้งหมดจะเป็นอันตราย แมรี่ เด็กหญิงเพื่อนบ้านก็ขี่ม้าขาวมาช่วยทั้งสามเอาไว้ แต่ทางเลือกของพวกเขามีไม่มากนัก

เซบาสเตียน ดยุคคนใหม่เพิ่งจะอายุสิบสี่ ทริสแทนน้องชายฝาแฝดของเขาก็เด็กพอกัน แล้วยังเรฟ น้องชายคนเล็กวัยสิบปี ทั้งหมดไม่รู้ว่า จะต้องทำอะไรต่อไป นอกจากรู้ว่า จะต้องหนี เอาชีวิตให้รอด เซบาสเตียนนัดกับน้องชายทั้งสอง ในอีกสิบปี พวกเขาจะกลับมาเจอกัน และแก้แค้นทวงคืนในสิ่งที่อาทำกับเขาเอาไว้

แต่มันเป็นเวลาถึงสิบสองปีกว่าที่พี่น้องสาวหนุ่มจะกลับมาพร้อมหน้ากันอีกครั้ง ในงานเลี้ยงฉลองที่บ้านของดยุคแห่งอีสตัน บรรดาศักดิ์ที่ว่างเว้นเพราะการหายตัวไปของดยุคคนล่าสุด (เซบาสเตียน) และเดวิด อาของพวกเขากำลังจะยื่นเรื่องเพื่อขอให้ประกาศให้หลานทั้งสามตายไปตามกฎหมาย เพื่อตัวเองจะได้ครอบครองบรรดาศักดิ์อย่างเป็นทางการเสียที แต่ในคืนวันนั้นเซบาสเตียน ดยุคแห่งเคสวิคก็ปรากฎตัวขึ้น แต่เขาไม่ใช่ดยุคในภาพลักษณ์ที่คนคุ้นเคย

เพราะเวลาสิบสองปีเซบาสเตียนใช้ชีวิตเป็นทหาร และร่วมรบในสงครามไครเมีย การรบที่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด เสียโฉมจนกลายเป็นที่น่าหวาดกลัวของคนในสังคม ยกเว้นแมรี่ สาวน้อยข้างบ้านที่รู้มาตลอดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ครั้งสุดท้ายที่เธอพยายามพูดความจริงว่า ลอร์ดเดวิดพยายามฆ่าหลานชายของเขา แมรีถูกบิดาของตัวเองส่งไปอยู่สำนักนางชี (เพื่อลงโทษ) กว่าเธอจะได้กลับมาลอนดอนอีกครั้ง ก็เป็นเวลาสิบกว่าปี

การได้กลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างแมรี และเซบาสเตียน แม้ว่าหญิงสาวจะได้หมั้นหมายอยู่แล้วกับชายหนุ่มผู้เพียบพร้อม แต่ความหลังที่มีร่วมกัน ความรู้สึกที่ลึกซึ้งต่อกันก็ยากที่จะทำให้ทั้งคู่ทำเหมือนไม่รู้จักกันได้ โดยเฉพาะเมื่อแมรีไม่ยอมที่จะยอมรับคำตัดสินของสังคม ถึงความไม่เหมาะสมของเซบาสเตียน เธอยืนเคียงข้างเขาเสมอ

เรื่องนี้มีพล็อตแบบที่เราไม่ชอบมาก ๆ คือการที่นางเอกมีคู่หมั้นอยู่แล้ว แต่ความชัดเจนในความผูกพันของแมรี และเซบาสเตียน ประกอบกับความมั่นคงของแมรี ทำให้เราไม่รู้สึกว่า เธอทำไม่ถูกเลยนะคะ คือเราเชื่อว่า เธอเป็นหญิงสาวที่มีเกียรติ เธอจะไม่ทรยศคู่หมั้น แต่ในขณะเดียวก็ไม่อาจหันหลังให้กับเพื่อน (และชายที่เธอรัก) ได้ อธิบายยากค่ะ บอกไม่ถูกว่า ทำไมเราไม่มองว่าเธอไม่ดี (เหมือนอย่างที่เรามองนางเอกคนอื่นที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน) อาจจะเพราะความผูกพันระหว่างเธอ และเซบาสเตียนมันลึกซึ้งมาก อาจจะมากจนเรารู้สึกว่า เขาถือสิทธิในตัวแมรี ก่อนคู่หมั้นของเธอก็ได้

เราชอบพล็อต ที่ดูน้ำเน่า แต่ได้ใจ ชอบความเจ็บปวด บีบหัวใจ กับสถานการณ์ที่เกิดกับเด็กชายทั้งสามคน ซึ่งแต่ละคนก็มีปมไม่เหมือนกัน เซบาสเตียนในฐานะดยุค และพี่ชายคนโต เขาล้มเหลวในการคุ้มครองน้อง ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ก็มีปัญหาของตัวเองแตกต่างกันไป

นอกจากพล็อตก็ชอบส่วนโรแมนซ์ ชอบแมรี่มาก ๆ ด้วยพอกัน ในสถานการณ์ที่เธอเป็น (มีคู่หมั้น) เราคิดว่า เธอทำตัวได้เหมาะสมที่สุดแล้ว

อ่านเล่มนี้แล้วติดหนึบค่ะ รีบหยิบเล่มสองมาอ่านต่อทันที

คะแนนที่ 77



View all my reviews