Tuesday, December 24, 2013

Review: Otherwise Unharmed


Otherwise Unharmed
Otherwise Unharmed by Shay Savage

My rating: 2 of 5 stars



หลังจากอ่านสองเล่มแรกในชุดจบไปอย่างค่อนข้างพอใจ เราก็อ่านเล่มสามต่อทันทีด้วยความหวังเต็มเปี่ยม เราอยากรู้ว่า คนแต่งจะหาทางออกอย่างไรให้กับเอแวน อาร์เดน หลังจากที่เขาเสียสติ (ชั่วขณะ) แล้วเอาปืนไปไล่ยิงชาวบ้าน (แต่ไม่มีใครตาย) พร้อมกับการที่ลีอา หญิงสาวที่อยู่ในใจของเขามาเกือบตลอดเวลาได้หวนกลับมาสู่ชีวิตของเขา

เราพบว่า คนแต่งหาทางออกที่ง่ายเกินไปให้กับเรื่อง และเหตุการณ์หลายอย่างดูเหมือนถูกเสริมแต่งเข้าไปแบบไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน การที่ลีอาตามหาเอแวนจนเจอ เราคิดว่า ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหรนัก (แม้จะพอเข้าใจได้ เนื่องจากเธอไม่ใช่คนเล่าเรื่อง ความพยายามของเธอในการหาตัวเขาจนพบ จึงไม่ได้ถูกบรรยายเอาไว้ในเรื่อง) การที่ ในตอนท้ายที่สุด เจ้านายมาเฟียก็ปล่อยเขาเดินจากไปง่าย ๆ เรื่องยกเอาความสัมพันธ์ที่เหมือนพ่อและลุกชายมาใช้ เราอ่านเล่มสองซึ่งเป็นเล่มที่บรรยายเกี่ยวกับเจ้าพ่อมาเฟียคนนี้มากที่สุดแล้ว เราพอรับรู้ว่า เขาห่วงใยในตัวเอแวนนะคะ แต่เราไม่อาจสัมผัสอะไรที่มากเกินไปกว่านั้นได้

ส่วนที่ผิดหวังที่สุดก็คงจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างเอแวน และลีอา เรารู้สึกเหมือนเราพลาดอะไรสักอย่างไป ทั้งคู่เจอกันแค่วันเดียว (เท่านั้น) ในทะเลทรายที่อริโซนา มีเซ็กส์อันเยี่ยมยอด เขาไม่เคยลืมเธอ แต่ก็ไม่ได้หมกมุ่นขนาดเลิกมีเซ็กส์กับผู้หญิงคนอื่น (เขาหิ้วโสเภณีไปนอนด้วยเป็นประจำ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันในระดับนึง) เธอไม่ลืมเขา และออกตามหา อันนี้เราพอเข้าใจได้ ลีอาไม่รู้ว่า เอแวนเป็นใคร แค่เป็นอดีตทหารผ่านศึก เรามีความรู้สึกว่า คนแต่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดูเป็นมากกว่าสิ่งที่มันเป็น มันราวกับทั้งคู่หลงรักกันมานาน เปิดใจบอกความรู้สึกกันไปแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่เลย

แล้วยังการยอมรับที่เอแวนมีต่อลีอา ทั้งที่จากการที่เราได้รู้จักเขาในเล่มสอง (Otherwise Occupied) เขาไม่น่าจะเป็นคนที่ทำเช่นนั้นได้ง่ายแบบนี้ แต่ทุกอย่างกลายเป็นเขายอมตายเพื่อลีอาได้

นั่นทำให้เราไปสู่จุดที่ว่า อะไรวะ...

เราชอบเรื่องโรแมนซ์นะคะ และชอบที่เอแวนลงเอยกับลีอา เราพอเห็นว่า ทั้งคู่เหมาะสมกัน แต่เราอยากเห็น "พัฒนาการ" ของความสัมพันธ์ ไม่ใช่การเปิดเรื่องตอนแรก พระเอกก็ออกแนว ยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงคนนี้ มันฟังดูซึ้งค่ะ แต่ไม่มีที่มาที่ไป

และเพราะเรื่องต่อไปนับจากนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากความตั้งใจของเอแวนที่ว่า จะทำทุกอย่างเพื่อลีอา เราจึงรู้สึกว่า เรื่องราวไม่น่าเชื่อ ปิดท้ายด้วยบทสรุปที่ง่ายดายเกินเหตุอีก เล่มนี้จึงเป็นความผิดหวังเล็ก ๆ สำหรับเรา

แต่เราไม่เสียดายเวลาที่อ่านนะคะ เรื่องชุดนี้แตกต่าง และน่าสนใจ ที่สำคัญเราชอบเรื่องที่เล่าผ่านมุมมองของตัวละครผู้ชาย (แต่เขียนโดยนักเขียนผู้หญิง) อาจจะไม่ถูกต้องตามความจริงที่เป็น (คือผู้ชายไม่ได้คิดกันแบบนี้) แต่มันเป็นความบังเทิงแบบที่เราชอบ

คะแนนที่ 60
ป.ล. อ่านเรื่องนี้จบแล้วเกิดอาการบ้ามือสังหาร/นักฆ่า ก็เลยไปหยิบเรื่อง Last Hit มาอ่านต่อ เป็นแนว New Adult ที่พระเอกเป็นมือสังหาร ปรากฎว่าอ่านไปได้ครึ่งเรื่องก็วาง พระเอกเป็นมือสังหารที่ถูกใส่เครื่องซักผ้า ทำนองรับงานเฉพาะฆ่าคนเลวเท่านั้น เป็นมือสังหารมีคุณธรรมอะไรประมาณนี้ (แล้วยังมีประเด็นเรื่องโรแมนซ์อีกเล็กน้อย) ก็เลยวางไปก่อน เอาไว้สร้างอารมณ์กลับมาได้ก่อน อาจจะกลับมาอ่านต่อค่ะ



View all my reviews

Review: Otherwise Occupied


Otherwise Occupied
Otherwise Occupied by Shay Savage

My rating: 3 of 5 stars



เราหยิบเล่มนี้ขึ้นมาอ่านทันทีที่จบเล่มแรกไป แล้วก็ดีใจที่ตัวเองรอจนหนังสือออกครบชุดแล้วค่อยเริ่มต้นอ่าน เพราะตอนจบในเล่มแรกก็ค้างคา และไม่มีบทสรุป

มาในเล่มนี้เอแวนซึ่งกลับมาจากการถูกเนรเทศแล้ว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เจ้านายได้ให้อภัยทุกอย่างหมดสิ้นต่อการกระทำของเขา (ที่ฆ่าพยานซึ่งรู้เห็นการลอบสังหารของเขา) เพราะเอแวนเกือบทำให้เกิดสงครามระหว่างแก๊งค์ ดังนั้นเขาจึงรู้ตัวว่า จะต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายใหม่ให้เสร็จสมบูรณ์อย่างเรียบร้อยที่สุด งานที่เขาต้องฆ่าดาราภาพยนตร์ชื่อดัง (ที่ติดหนี้การพนันเจ้านายของเขา)

เรื่องนี้เป็นการบอกเล่าชีวิตของเอแวน คนที่หวังจะได้เห็นเรื่องโรแมนซ์บอกเลยนะคะว่า ต้องผิดหวัง เพราะนางเอกไม่มีบทบาทในเล่มนี้ มากไปกว่านั้น ผู้หญิงที่เอแวนใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุดกลับเป็นโสเภณีที่เขาหิ้วมาจนกลายเป็นขาประจำกันไป แต่อย่างที่บอกค่ะ เนื่องจากเราไม่ได้ตั้งโจทย์ว่าเป็นโรแมนซ์ มันก็เลยดูเป็นเรื่องธรรมดาไป

ส่วนที่เราชอบในเล่มนี้ก็คือ การที่คนแต่งเล่าเรื่องของมือสังหาร เธอไม่พยายามทำให้มันดูเป็นเรื่องงดงาม เอแวนทำเพื่อเงิน (และเพื่อสุขภาพจิตหลังจากกลับมาจากสงคราม) เขาไม่ได้ตั้งกฎว่าจะไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาแค่ฆ่า และนั่นทำให้คาแร็คเตอร์ของเขาดูน่าเชื่อ อย่างไรก็ตามทำให้เกิดข้อสงสัยว่า เราควรจะเรียกเขาว่าเป็นพระเอกหรือไม่

สำหรับเราพระเอกก็คือ ตัวเอกฝ่ายชาย ดังนั้นเราจึงไม่มีปัญหา แต่ถ้าพระเอกของคุณคือ คนที่มีความดีในตัวเองบ้าง เราไม่แน่ใจนะคะว่า เอแวนเป็นพระเอกของเรื่องนี้ได้

เราได้รู้จักเอแวนมากขึ้น เล่มนี้โฟกัสอยู่ที่เขา ท่ามกลางพล็อตเรื่องที่นิ่งมาก ๆ นั่นคือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ก็แค่การที่เอแวนวางแผนฆ่าคน หิ้วอีตัว และต่อสู้กับความฝันจากภาพสงครามในอดีต แทบจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเป็นประเด็นที่ต้องใช้ความคิด เรากลับพบว่า ชอบเล่มนี้ที่สุดในชุด

คะแนนที่ 73



View all my reviews

Review: Otherwise Alone


Otherwise Alone
Otherwise Alone by Shay Savage

My rating: 3 of 5 stars



เราแอบมองหนังสือชุดนี้มานานพักใหญ่ ๆ แล้วล่ะค่ะ แต่ที่ไม่เริ่มอ่านสักทีก็เพราะเป็นหนังสือชุดสามเล่มที่แต่ละเล่มจบแบบ cliffhanger เราก็เลยรอจนเล่มสุดท้ายออกขาย แล้วจึงเริ่มอ่านรวบยอดทีเดียว

การเขียนรีวิวเรื่องชุดนี้ไม่ง่ายนะคะ เพราะแม้จะแบ่งออกเป็นสามเล่ม แต่ทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกัน คือเหมือนหนังสือเล่มเดียวนั่นแหละ แต่ถูกแยกออกเป็นสามเล่ม ดังนั้นถ้าใครคิดจะอ่าน ก็ขอให้เตรียมใจไว้ว่า อ่านกันยาวค่ะ หยุดอ่านที่เล่มใดเล่มนึงก็จะไม่ได้เรื่องราวทั้งหมดครบถ้วน

และการเขียนรีวิวของเราก็จะเป็นการเขียนรีวิวแบบคนที่อ่านมาแล้วทั้งสามเล่มนะคะ (แม้รีวิวเราจะแยกออกเป็นสามส่วนตามจำนวนเล่มก็ตาม)

เล่มแรกของชุดเป็นเรื่องที่มีความยาวสั้นที่สุด (คิดว่า น่าจะประมาณเรื่องสั้นเท่านั้นเอง แต่คนแต่งทำได้ดีมาก ๆ ในแง่ทำให้เราอยากรู้เรื่องต่อ เปิดเรื่องในทะเลทรายในอริโซนา เอแวน อาร์เดนอยู่ตามลำพัง กับโอดิน น้องหมาคู่ใจ เขาถูกเนรเทศออกจากชิคาโก้โดยเจ้านายซึ่งเป็นมาเฟียประจำเมือง เนื่องจากด้นไปฆ่าคนที่ไม่ควรฆ่า แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นพยานรู้เห็นการลอบสังหารที่เอแวนเป็นคนลงมือก็ตาม แต่เขาก็เป็นญาติกับมาเฟียคู่แข่งอีกกลุ่ม เพื่อปกป้องไม่ให้เกิดสงครามมาเฟีย เอแวนจึงต้องรีบเผ่นออกจากเมืองโดยเร็ว

และนั่นเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เขาอยู่ตามลำพัง เงียบ ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่แล้วก็มีคนเข้ามายุ่งกับเขาจนได้ เมื่อลีอาโผล่เข้ามา มันเป็นสถานที่แปลกที่ทั้งคู่ได้พบกัน หญิงสาวซึ่งถูกแฟนหนึ่งผลักตกจากรถ เดินหลงในทะเลทราย และได้พบกับชายลึกลับที่ท่าทางไม่เป็นมิตร แต่อย่างน้อยเขาก็ยื่นมือช่วยเหลือเธอ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น เป็นสิ่งที่ทั้งคู่ไม่มีวันลืม แม้จะต้องแยกจากกัน

ใช่แล้วค่ะ เอแวนและลีอาแยกจากกันในตอนจบของเล่มนี้ จากกันแบบดูเหมือนจะไม่มีอนาคตต่อกันด้วยซ้ำ แต่่ความสนใจของเราในหนังสือเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ความสัมพันธ์ของตัวละครทั้งสองนะคะ (แม้ว่า เราจะรู้สึกว่า น่าสนใจไม่น้อย) หากแต่เป็นที่ตัวเอแวน ซึ่งเป็นคนเล่าเรื่อง ซึ่งในเล่มนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของเขามากมายนัก นอกจากเขาเป็นอดีตทหารที่ผันตัวกลายมาเป็นมือสังหาร และทำงานให้กับมาเฟียอยู่

สำหรับเราแล้วความน่าสนใจของเรื่องอยู่ที่ตัวเอแวน อาร์เดน ไม่ใช่ในแง่ที่ว่า เราอยากรู้จักเขา หรืออยากรู้ว่า อะไรคือแรงผลักดันให้เขากลายมาเป็นคนที่เขาเป็น (จากวีรบุรุษมาเป็นมือสังหาร) แต่เป็นความคิดของเขาที่แสดงออกมาในเล่มนี้ เราพบว่า ตัวเองชอบใจกับการมองโลกของพระเอกที่ทำให้ทุกอย่างดูเป็นตลกร้าย การไม่ยี่หระหรือแคร์กับอะไรก็ตาม การไม่ขอโทษในการกระทำของตัวเอง

โดยรวมเราคิดว่า เรื่องนี้ (รวมไปถึงหนังสือชุดนี้) อาจจะไม่เหมาะกับคนอ่านทุกคน ในแง่ของอาชีพของพระเอกที่ไร้ศีลธรรม และไม่อาจยอมรับได้ แต่สำหรับเราซึ่งไม่ได้มองเรื่องชุดนี้ในแง่ของการเป็นโรแมนซ์ เราค่อนข้างเปิดกว้างได้มากกว่า และพร้อมที่จะอ่านเล่มต่อไปในชุด เมื่อเอแวนโดนเจ้านายเรียกตัวให้กลับไปที่ชิคาโก้ได้

คะแนที่ 70





View all my reviews

Monday, December 23, 2013

Review: Beautiful Player


Beautiful Player
Beautiful Player by Christina Lauren

My rating: 4 of 5 stars



งานเขียนของคริสตินา ลอเรนเป็นเหมือน Guilty Pleasures ของเรานะคะ แม้เราจะไม่ได้รู้สึกว่า จะต้องปิดเป็นความลับว่า เราชอบอ่านงานของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็รู้สึกว่า หนังสือที่นักเขียนคู่นี้ (คริสตินา ลอเรนเป็นทีมนักเขียนสองคน) ไม่มีสาระอะไรเลย แต่ความมั่วซั่วสับสนของมันกลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เราไม่อาจวางลงหยุดอ่านได้เช่นกัน

เรารู้สึกมาก ๆ กับหนังสือเล่มแรกในชุด (และเล่มแรกที่พวกเธอเขียน) Beautiful Bastard เรื่องราวที่เราบอกว่า ไร้สาระสุด ๆ แต่กลับหยุดอ่านไม่ได้

ดังนั้นเราก็เลยตามซื้อและอ่านหนังสือเล่มอื่น ๆ ของพวกเธอเรื่อยมา โดยไม่ได้คาดหวังมากมายนัก จนกระทั่งมาถึงเล่มนี้ค่ะ ซึ่งเราคงต้องบอกว่า สนุกเกินคาด เรื่องราวความสัมพันธ์จากเพื่อนกลายเป็นคนรัก กุ๊กกิ๊ก น่ารักมาก ๆ ที่สำคัญต้องบอกว่า เหนือความคาดหมาย และเป็นหนึ่งในหนังสือแนวปัจจุบันที่สนุกมากที่สุดเล่มนึงในปีนี้ที่เราได้อ่าน

ในส่วนของเนื้อหายังไม่มีอะไรมาก แต่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพระเอกและนางเอกกินขาดหนังสือหลายเล่ม น่ารัก อบอุ่น และทำให้เราเชื่อได้ว่า ทั้งคู่ต่างตกหลุมรักกันและกันจริง ๆ

พล็อตเรื่องง่าย ๆ ตามสูตรสำเร็จ (และดูเหลือเชื่อเล็กน้อย) เมื่อพี่ชายผู้ห่วงใย ฮันนาน้องสาวที่มุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการเรียน จนไม่มีเวลาให้กับชีวิตทางสังคม แนะนำให้เธอติดต่อไปยังวิล เพื่อนสนิทของตัวเอง เพราะหวังว่า เพื่อนผู้เจนโลกคนนี้จะช่วยแนะนำชีวิตทางสังคม สนุก ๆ ให้น้องสาวบ้าง

และก็ตามสูตรโรแมนซ์ทั่วไป เมื่อคนแนะนำกลับกลายเป็นคนชักจูงสาวเจ้าไปเสียเอง

ปกติเราไม่ค่อยชอบพล็อตเรื่องแนวเพื่อนสนิทของพี่ชาย และน้องสาวผู้ไร้เดียงสานะคะ แต่เล่มนี้เวิร์คมาก ๆ เราชอบคาแร็คเตอร์ของทั้งฮันนา และวิล เพราะมไม่มีใครเป็นอย่างที่ตาเห็น

ฮันนา นักศึกษาระดับปริญญาเอก ไม่ใช่สาวน้อยไร้เดียงสา เธอเลือกชีวิตที่เป็นเอง และเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงเอง ฮันนาไม่ได้มีปัญหากับการเข้าสังคม เพียงแต่ไม่ได้มองเห็นว่า มันน่าสนใจ จนกระทั่งครอบครัวชี้ให้เธอเห็นว่า เธอพลาดอะไรไปบ้าง (จากการทุ่มเทให้กับการเรียนเพียงอย่างเดียว) จุดนี้สำคัญมาก เพราะเราไม่ได้อ่านเรื่องราวของนางเอกขี้อาย ผู้เจอกับพระเอกที่เจนโลก แล้วก็ตกหลุมรักเขา ฮันนาไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น ตัวตนของเธอมีมิติมากกว่า และมีความสมจริงในแง่คาแร็คเตอร์มากกว่า

และวิลก็ไม่ใช่เพลย์บอยที่ตกหลุมรักสาวใสบริสุทธิ์ เขาตกหลุมรักเพื่อนของตัวเอง ส่วนที่เราชอบมากที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ การเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิลและฮันนา การที่พวกเขาเป็นเพื่อน แล้วกลายเป็นคนรัก เราเชื่อในมิตรภาพของทั้งสอง ชอบการที่ทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน การพูดคุยกัน (ทฤษฎีประหลาด ๆ ของฮันนาเกี่ยวกับความบริสุทธิ์ของผู้หญิง) การที่เธอเข้าใจตัวตนของเขา และเขารู้จักเธอดียิ่งกว่าใคร

นี่เป็นเรื่องราวของเพื่อนที่กลายเป็นคนรัก และมันเวิร์คสำหรับเรา เพราะเชื่อในความเป็นเพื่อนที่เกิดขึ้น

ส่วนที่เวิร์คมาก ๆ คือ คแร็คเตอร์ เราอ่านหนังสือมาหลายเล่มนะคะ ส่วนใหญ่ก็จะกรี๊ดไปกับพระเอกตามระเบียบ เล่มนี้ก็กรี๊ดพระเอกค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นฝ่ายตกหลุมรักก่อน แต่ต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ เพราะนางเอกต้องการแค่ความเป็นเพื่อน ที่มากกว่านั้น เราชอบนางเอกมาก ๆ ด้วยค่ะ ฮันนาเป็นผู้หญิงที่เป็นธรรมชาติ เราอ่านโดยมองเห็นว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้วิลตกหลุมรักเธอได้อย่างง่ายดาย (คือถ้าเราชอบผู้หญิงก็คงรักเธอเช่นกัน)

เราชอบคาแร็คเตอร์ในเรื่องนี้มาก และสำหรับเราแล้ว เล่มนี้ถือว่าเป็นพัฒนาการทางการเขียนที่สำคัญมาก ๆ ของนักเขียนคู่นี้

คะแนนที่ 83



View all my reviews

Review: Big Bad Beast


Big Bad Beast
Big Bad Beast by Shelly Laurenston

My rating: 5 of 5 stars



เล่มนี้กลายเป็นหนังสือที่เราเรียกว่า Comfort Read ของเราไปแล้วค่ะ นั่นคือมองซ้ายมองขวา นึกไม่ออกว่าจะอ่านเรื่องอะไรดี ก็หยิบเล่มนี้มาอ่านซะอย่างงั้น เรื่องนี้ถือว่า เป็นเรื่องที่เราอ่านซ้ำเยอะที่สุดในช่วงเวลาสองสามปีที่ผ่านมา (คิดว่าน่าจะอ่านซ้ำเกินสิบครั้งไปแล้ว)

แล้วยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบเล่มนี้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ สำหรับเราแล้ว องค์ประกอบทุกอย่างในเล่มนี้โดนใจเราไปเสียหมด เริ่มจากความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกนางเอกที่ดูจะไม่เท่าเทียมกันนัก พระเอกที่หลงรักนางเอกมาตั้งแต่ต้น โดยที่เธอไม่รู้ว่า เขามีตัวตนด้วยซ้ำ แต่ด้วยลูกตื้น มารยาสาไถหลายอย่าง ทำให้นางเอกใจอ่อนลงเรื่อย ๆ ประกอบกับอารมณ์ขันของคนแต่งที่เราชอบ (เราไม่แน่ใจว่า อารมณ์ขันของแชลลี ลอเรนสตันจะถูกโรคไปกับทุกคนนะคะ แต่กับเรา ถูกใจค่ะ) ทำให้เรื่องนี้อ่านได้สนุกแบบไร้สาระ แต่มีความสุขมากที่สุด

ไม่อยากเขียนอะไรมากนะคะ เพราะเคยเขียนรีวิวไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน นอกจากจะบอกว่า กลับมาอ่านใหม่รอบนี้ ก็ยังสนุกน่ารักเหมือนเดิม

นี่เป็นรีวิวเก่าที่เคยเขียนเอาไว้ค่ะ

หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่หกในชุด Pride ที่ไม่ได้เล่าเรื่องของสิงโตหรอกนะคะ ทั้งพระเอกและนางเอกในเล่มนี้เป็นหมาป่า ว่าไปแล้วชุดนี้เราเรื่องเหล่ามนุษย์แปลงร่างในเมืองนิวยอร์ค เชื่อมเรื่องราวทุกเล่มเอาไว้ด้วยมิตรภาพอันเหนียวแน่นของคาแร็คเตอร์ในชุด ที่เน้นแฟ้น และเพี้ยนอย่างที่คุ้นเคย

ในที่สุดหลังจากรอคอยมาหลายเล่ม เล่มนี้ก็เล่าเรื่องกุ๊กกิ๊กระหว่างดีแอน สมิท และอัลริค แวน โฮลซ์ ชายและหญิงสองคนที่แตกต่างกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นได้

คนที่ติดตามอ่านเรื่องชุดนี้มาตลอดคงจะพอนึกออกว่า ครั้งแรกที่ริคเห็นดีแอน (เหตุการณ์ในเรื่อง The Mane Squeeze) เขาก็ตกหลุมรักอย่างจัง หญิงแกร่ง โหด และน่ากลัวมากคนนี้พิชิตใจของหมาป่าหนุ่มที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรม ทั้งคู่ไม่มีอะไรเหมือนกัน แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค ริคพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับดีแอนทุกวิถีทาง แต่สาวเจ้าก็ยังไม่สนใจ

ในเล่มนี้คนอ่านได้ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อยี่สิบห้าปีก่อน และได้พบว่า การพบกันครั้งแรกระหว่างริคและดีแอน ย้อนกลับไปนานกว่านั้น เขาอายุหกขวบ เด็กชายคงแก่เรียนที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ ริคติดตามนีล ผู้เป็นลุงไปในทริปการเดินทางที่นีลต้องการติดต่อกับนักฆ่าฝีมือดีที่สุดในหน่วยรบพิเศษ มาทำงานให้กับองค์กรของเขา การเจรจาระหว่างนีลและเอ็กกี สมิธเป็นไปด้วยดี (เท่าที่จะเป็นได้) จนกระทั่งริคได้พบกับหญิงในฝัน

ดีแอน สมิทคือลูกสาวของเอ็กกี สมิธ และเธอคือลูกของพ่อ ดีแอนมีนิสัยเหมือนพ่อผู้รักสันโดด และแทบจะไม่มีด้านอ่อนโยนให้เห็นมากนัก แม้ในวัยเพียงสิบปี ดีแอนก็เริ่มขอเงินพ่อเพื่อมาซื้อมีดเล่มใหญ่ที่สาวเจ้าโฆษณาสรรพคุณให้ฟังว่า น่าจะแทงทะลุอกคนได้ง่าย ๆ แต่กระนั้นเมื่อเด็กชายวัยหกขวบยื่นห่อช็อคโกแลตมาให้ ดีแอนก็รับมาไว้แบบงง ๆ พร้อมกับคำเตือนจากพ่อว่า อย่าไว้ใจพวกแวน โฮลซ์ เพราะคนพวกนี้ไม่เหมือนสมิธ พวกนี้มีวัฒนธรรมมากเกินไป ดูดีเกินไป

เรื่องตัดกลับมาในตอนปัจจุบัน ริคซึ่งเป็นหัวหน้าโดยตรงของดีแอนในองค์กรที่นีล (ลุงของริค) เป็นผู้นำกลุ่ม กลุ่มที่มีชื่อง่ายมากว่า The Group ที่ทำหน้าที่ปกป้องเหล่ามนุษย์แปลงร่างจากอันตราย ซึ่งตอนนี้กำลังมีภารกิจสำคัญในการตามล่ากลุ่มคนที่จับเอาเหล่าลูกครึ่ง (ของสายพันธุ์ต่าง ๆ ของมนุษย์แปลงร่าง) มาต่อสู้ในสังเวียนเถื่อน ซึ่งพล็อตนี้ดำเนินต่อเนื่องมาจากเล่มสี่ในชุดแล้วล่ะค่ะ

ทั้งริคและดีแอนจำเหตุการณ์ในอดีตไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนเลยก็คือ ริคปิ๊งดีแอนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ และสาวเจ้าก็เมินเฉยเขาเหลือเกิน แต่การเมินเฉยของดีแอนก็มีอะไรบางอย่างแปลก ๆ รวมอยู่

หญิงสาวชอบสะเดาะกุญแจแอบเข้าไปในบ้านของริค จนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มทนไม่ได้ต้องหาเรื่องทำอาหารให้เธอกินเป็นประจำ ในฐานะหัวหน้าเชฟแห่งภัตตาคารหรู ริคโมโหทุกครั้งที่ดีแอนบอกว่า เขาใช้บลูเบอรีจากกระป๋อง นั่นเป็นยิ่งกว่าการดูถูก

และเมื่อริคจับทางของดีแอนถูก เขาเข้าใจตัวตนของเธอ ภารกิจพิชิตใจหมาป่าสาวหัวดื้อก็เริ่มต้นขึ้น และนั่นทำให้หนังสือเรื่องนี้สนุกมาก ๆ

เราชอบริคมาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาออกมามีบทใน The Mane Squeeze แล้วค่ะ ใครล่ะจะไม่ชอบเขา ริคเป็นเพื่อนที่ดี เป็นชายหนุ่มชนิดสาว ๆ ต้องฝันหวาน เขาเป็นหัวหน้าเชฟในภัตตาคารของเผ่า เป็นเจ้าของทีมฮ็อคกี้ที่ตัวเองเล่นให้ด้วย ริคคือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ (และเราหมายความแบบนั้นจริง ๆ ) ปกติเราไม่ชอบคาแร็คเตอร์ที่ดีไปทุกอย่างแบบนี้นะคะ แต่มีอะไรบางอย่างในตัวริคที่ทำให้เราใจละลายได้ง่าย ๆ และนั่นสำคัญมาก เพราะถ้าเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ก็คงจะไม่มีวันเข้าถึงหัวใจของดีแอน

เพราะดีแอนไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป หนังสือหลายเรื่องเขียนคาแร็คเตอร์นางเอกเป็นหญิงแกร่ง แต่เล่มนี้คงต้องบอกว่า โคตรแกร่ง ดีแอนเหมือนทหารผ่านสงครามที่เจออะไรมาหลายอย่าง ทำอะไรมาหลายอย่าง และเธอไม่ได้เสียใจไปกับมันแม้แต่น้อย (ในแง่นึงเรารู้สึกว่า เธอน่าจะเหมือนกับพ่อของเหล่าหนุ่ม ๆ ตระกูลแม็คคราวด์ของแชนนอน แม็คเคนนา) บ่อยครั้งที่ความสุขของเธอก็คือ การอยู่คนเดียว ในความเงียบ ไม่ต้องมีใครมายุ่ง

ในเล่มก่อนหน้ามีหลายครั้งที่เรารู้สึกว่า ทนดีแอนต่อไปไม่ได้แล้ว การกระทำหลายอย่างของเธอข้ามเส้นที่เราขีดไว้ให้กับคาแร็คเตอร์ที่เป็นนางเอกเกินไป แต่พอมาในเล่มนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นหายไปหมดเลยนะคะ ซึ่งไม่ใช่เพราะดีแอนเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่ดีขึ้น

แต่เป็นเพราะในเล่มนี้ คนอ่านได้เห็นดีแอนผ่านสายตาของริค ผู้ชายคนที่เข้าใจเธอดีกว่าตัวเธอเองเสียอีก

เรารู้สึกว่า การจับคู่ชายและหญิงสองคนที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ได้ผล เพราะคนแต่งเข้าใจในคาแร็คเตอร์ ข้อดี ข้อด้อยของพวกเขาอย่างชัดเจน ทั้งสองเติมเต็มให้กันและกัน

หนังสือมีชื่อเรื่องว่า Big Bad Beast ซึ่งเราบอกได้เลยว่า ไม่ได้หมายความถึงริคที่เป็นพระเอก ไม่ใช่เพราะริคอ่อนแอ แต่ริคมีจุดแข็งอย่างอื่นที่โดดเด่นมากกว่า เขาสามารถป้องกันตัวเอง และคนที่รักได้ถ้าจำเป็น แต่สถานการณ์ในเรื่องนี้ ริคไม่ค่อยจำเป็นต้องทำเท่าไหร (มีบ้างเล็กน้อย) เขาคือคนที่เข้าใจดีแอน และรู้จุดแข็งของเธอ เขารักเธอมากพอ ไว้ใจเธอมากพอที่จะให้ดีแอนเป็นตัวเอง พระเอกในเรื่องนี้ไม่ได้ปกป้องนางเอกโดยการหุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนที่ปกป้อง แต่เขาอยู่รอเธอกลับมาจากภารกิจ โอบกอดเธอ และดูแลเธอ

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องราวของมารยาชาย ที่ริคควักมาใช้หลายเล่มเกวียนเพื่อเอาชนะใจดีแอน ทั้งจัดการจนทั้งคู่เริ่มต้นความสัมพันธ์กันอย่างที่ดีแอนไม่ทันตั้งตัว หรือว่าจะเป็นการเล่นตัว (จนดีแอนต้องไล่จับไปทั่วอพาท์เมนต์) เพื่อให้สาวเจ้ายอมค้างคืน ไม่หนีหายไปกลางดึก

เอกลักษณ์ในการเขียนของเชลลีก็ยังมีอยู่ครบค่ะ แต่เล่มนี้เราว่าติดดินมากกว่าเล่มอื่น ๆ (ในแง่ที่พฤติกรรมตัวละครไม่ประหลาดผู้คนเกินเหตุ) และนั่นทำให้เรายิ่งชอบเรื่องนี้มากขึ้นไปอีกนะคะ เพราะไม่ต้องอาศัยมุขตลกหลุดโลก แต่ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน

เรารักทุกวินาทีที่นั่งอ่านเล่มนี้เลยค่ะ เป็นหนังสือที่ให้ความสุขเราในขณะที่อ่านมาก ๆ

คะแนนที่ 97



View all my reviews

Thursday, December 19, 2013

Review: One Good Earl Deserves a Lover


One Good Earl Deserves a Lover
One Good Earl Deserves a Lover by Sarah MacLean

My rating: 3 of 5 stars



รู้ตัวเลยว่า เราไม่เป็นกลางในเรื่องความเห็นเกี่ยวกับพระเอกและนางเอก ถ้าถ้าคาแร็คเตอร์ที่ทำตัวแบบนี้เป็นนางเอก เราคงจะเซ็งหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว

เมื่อเหลือเวลาไม่กี่วันก่อนจะต้องเข้าพิธีแต่งงาน หญิงสาวผู้มีสติปัญญาระดับอัจฉริยะก็ต้องการค้นหาด้วยตัวเองให้พบถึงความลับในเรื่องคืนวันแต่งงาน และใครจะให้คำแนะนำให้ดีไปกว่าครอส หนึ่งในหุ้นส่วนของบ่อนการพนันที่หรูหราที่สุดในลอนดอน

เราไม่ชอบพล็อต (ที่นางเอกหมั้นหมายกะคนอื่นอยู่) ไม่ชอบทิศทางของเรื่อง (นางเอกขอให้พระเอกสอนประสอบการณ์ชีวิตให้) แต่เรื่องนี้กลับดึงความสนใจของเราไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง เราชอบคาแร็คเตอร์ของนางเอกมาก ชอบความชัดเจนในตัวตนของเธอ แม้ว่าการตัดสินใจที่เธอเลือกครอสจะดูขัดไปบ้าง แต่เรื่องราวที่ตามมาก็ยอมรับได้ ที่สำคัญประเด็นเรื่องเธอมีคู่หมั้นก็จัดการได้ดี การวางตัวของนางเอกไม่ได้ทำให้เธอดูเป็นคนไร้เกียรติ เพราะเมื่อรู้ใจตัวเอง เธอก็ขอถอนหมั้นทันที

ปัญหาอยู่ที่พระเอกเป็นส่วนใหญ่ และอย่างที่บอกไป ถ้านางเอกทำตัวแบบพระเอกในเล่มนี้ เราคงจะไม่อดทน เพราะครอสทั้งย้ำคิดย้ำทำ ชอบโทษตัวเองถึงความผิดในอดีต (ที่เอาเข้าจริง เราก็ไม่ได้เห็นว่าเขาทำอะไรผิดร้ายแรง) แถมเรายังไม่ค่อยรู้ถึง ความยิ่งใหญ่ในอำนาจที่เขามีตามที่หนังสือบรรยายเอาไว้ เพราะเมื่อถูกบีบ ครอสก็ยอมแพ้ง่ายนัก ถึงจะบอกว่า เขาทำเช่นนั้นเพื่อปกป้องนางเอก แต่มันก็ทำให้ดูเขาอ่อนแอ

แต่อย่างที่บอกค่ะ ไม่สำคัญเลย นางเอกได้ใจเรามาก ๆ

แล้วก็ต้องพูดถึงบรรดาตัวประกอบ (ไม่ได้เด่นขนาดเรียกว่าเป็นตัวละครรองได้) มีน่าสนใจหลายตัวมาก แต่ที่เด่นสุด แล้วเราว่ามีแววยิ่งไปกว่าพระเอกเสียอีกก็คือ คู่หมั้นของนางเอก อยากให้คนแต่งเขียนเรื่องของเขาออกมา เป็นเรื่องสั้นก็ยังดี (แม้ว่าจะมีบทสรุปเรื่องของเขาแล้วในเล่มนี้) แต่ผู้ชายคนนี้เป็นตัวประกอบที่ขโมยซีนสุด ๆ

สรุปเรื่องนี้สนุกสมกับที่เรารอคอย (เป็นหนึ่งในเรื่องที่อยากอ่านมากที่สุดเล่มนึง) แม้จะมีพล็อต และทิศทางการดำเนินเรื่อง (ที่บางครั้ง) ไม่ได้เป็นไปตามแบบที่เราชอบ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้เรามีสามชั่วโมง (ที่ใช้อ่าน) ที่มีความสนุกมากที่สุดเล่มนึงในปีนี้



View all my reviews

Review: No Good Duke Goes Unpunished


No Good Duke Goes Unpunished
No Good Duke Goes Unpunished by Sarah MacLean

My rating: 3 of 5 stars



เป็นหนังสือเล่มแรกที่หยิบมาอ่าน (แบบหยิบจริง ๆ ไม่ได้อ่านจากคินเดล) ในรอบหนึ่งเดือนกว่า ๆ ที่ผ่านมา (เนื่องจากย้ายหนังสือ และจัดชั้นหนังสือแบบมาราธอน ทุกอย่างลงลังหมด ต้องอ่านหนังสือจากคินเดลเท่านั้น)

ไม่รู้ว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของพรินต์บุ๊ค หรือเป็นเพราะตัวเรื่องเองนะคะ ทำให้ทั้งที่ตอนต้นเรื่อง ไม่ชอบนางเอกมาก ๆ เราก็อ่านต่อไปอย่างไม่รู้สึกสักนิดเดียวเลยว่า ต้องวาง กลับอ่านติดหนึบ ในใจก็ด่านางเอกไป แช่งนางเอกไป

จนประมาณกลาง ๆ เรื่อง เราก็เริ่มใจอ่อนให้กับเธอ พอ ๆ กับที่พระเอกรู้สึก กระนั้นคงบอกไม่ได้ว่า หลงรักเหมือนที่พระเอกรักตอนท้ายเรื่องนะคะ แต่โดยรวม ด้วยพล็อตที่เห็น คาแร็คเตอร์นางเอกที่ถูกวางมาแบบให้คนอ่านไม่ชอบแต่ต้น เราว่าเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ

เรื่องนี้เป็นเล่มสามในชุด The Rules of Scoundrels เรื่องราวของเทมเพิล ดยุคผู้ร่วงหล่นจากสังคมผู้ดี เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่าว่าที่แม่เลี้ยงของตัวเอง จากชายหนุ่มผู้มีทุกอย่างรอคอยอยู่ตรงหน้า เทมเพิลสูญเสียทุกอย่าง ต้องใช้ชีวิตด้วยชื่อเสียงที่เสียหาย แต่สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนได้ และกลายเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในสังคมอีกขั้วหนึ่ง

ในฐานะหนึ่งในเจ้าของบ่อนการพนันที่หรูหราที่สุดในลอนดอน เทมเพิลมีทุกอย่างที่ดยุคควรจะมี ยกเว้นชื่อเสียง ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังคงเป็นฆาตกร และนั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตัวเองเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เทมเพิลจำเหตุการณ์ในคืนวันนั้นไม่ได้เลย

ดังนั้นเมื่อหญิงสาวที่ควรจะตายไปแล้วหวนกลับเข้ามาในชีวิต มารา โลว์ใช้ความจริงที่ว่า เธอยังมีชีวิตอยู่เป็นเครื่องต่อรองเพื่อให้เขายกหนี้สินของน้องชายให้ แต่ไม่มีเป็นอย่างที่เห็น เมื่อชัดเจนว่า มาราเองก็มีความลับซ่อนอยู่เช่นกัน

เห็นได้ชัดถึงเหตุผลที่เราไม่ชอบนางเอกนะคะ เธอคือต้นเหตุที่ทำลายชีวิตของพระเอก และช่วงต้นเรื่องเราไม่รู้สึกถึงความสำนึกผิดของเธอเท่าที่ควร และเราก็ไม่เห็น "เหตุผล" ที่จะใช้อธิบายการกระทำอันเลวร้ายของเธอได้ และนั่นทำให้เราใช้เวลาช่วงต้นเรื่องเกลียดนางเอกแบบมากมาย

แต่เนื้อเรื่องก็น่าติดตามแบบวางไม่ลง เราอ่านลื่นไหลสนุกสนานมาก ๆ และทำให้เราเกิดความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองกลาย ๆ เพราะใจนึงก็ยังโกรธนางเอก (ที่ทำลายชีวิตพระเอก) แต่ในขณะเดียวกันยิ่งอ่านก็ยิ่งชอบเธอ ชอบความแข็งแกร่ง การที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค หรืออะไรก็ตามที่ขวางทางเธออยู่ ทำให้ในแง่ของคาแร็คเตอร์ของมาราอย่างเดียว เราชอบเธอมาก ๆ แต่เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอที่ส่งผลต่อผู้บริสุทธิ์ เราก็สองจิตสองใจอยู่

สิ่งที่ชอบในเรื่องนี้ก็คือ การที่คนแต่งไม่ทำให้มารากลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ธีมของเรื่องเป็นการให้อภัยมากกว่า และจุดนี้เองที่ทำให้เรายอมรับตอนจบของเรื่องได้ ยอมรับได้ว่า เทมเพิลให้อภัย และหลงรักผู้หญิงคนนี้จริง ๆ

และทำให้เรายอมรับมาราได้เช่นกัน (จุดนี้เรารู้สึกเลยนะคะว่า เราไม่เป็นกลางกับคาแร็คเตอร์ผู้หญิงในหนังสือ คือถ้าพระเอกเป็นคนทำ เราน่าจะปล่อยวางได้ง่ายกว่านี้ แต่เมื่อเป็นนางเอกที่เป็นคนทำ เรายึดติดกับความโกรธ และไม่ชอบเธอไปเกือบตลอดทั้งเล่ม

โดยรวมเล่มนี้เป็นอีกเล่มนึงที่น่าอ่านมาก ๆ และทำให้หนังสือชุดนี้ของซาราห์ แม็คคลีนกลายเป็นหนังสือไม่กี่ชุดที่ถือว่า สนุกทั้งชุด (กระนั้นเราก็ยังรักเล่มแรกในชุด A Rogue by Any Other Name มากที่สุดอยู่)

บอกตามตรงว่า อ่านเล่มนี้จบ และพบความลับของเชส เราเกิดอาการอยากกลับไปอ่านเล่มหนึ่งและสองใหม่อีกรอบเลยค่ะ



View all my reviews