Tuesday, August 27, 2013

Review: Thirteen


Thirteen
Thirteen by Kelley Armstrong

My rating: 4 of 5 stars



หนังสือเล่มนี้ด้วยตัวของมันเองไม่ครบถ้วนสมบูรณ์หรอกนะคะ และความสนุกที่เราได้รับจากเล่มนี้ก็ไม่ได้มาจากตัวเล่มนี้เองโดยตรง เช่นเดียวกับที่เรารู้สึกกับเรื่อง Guardian Demon ของเมลจีน บรู๊ค (หนังสืออีกชุดนึงที่เราอ่านเล่มสุดท้ายในชุดในเวลาไล่เลี่ยกัน) คุณค่าของเล่มนี้ก็คือ การที่มันเป็นเล่มสุดท้ายในหนังสือชุดที่เรามาก ๆ ชุดนึง และเล่มนี้สามารถปิดประเด็นมากมายหลายอย่างที่เราติดตามมาตลอดหลายเล่มได้

เรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของหนังสือชุดนี้ เมื่อชื่อเรื่องของเล่มนี้คือ Thirteen ซึ่งไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในเล่มนี้เลยนะคะ มันชื่อ 13 ก็เพราะนี่คือเล่มที่สิบสามในชุด (ที่เป็นหนังสือเล่มยาว) และถือเป็นเล่มสุดท้าย

จากเรื่องราวที่เปิดประเด็นในเล่มก่อนหน้า (Spellbound) กลุ่มเหนือธรรมชาติแตกออกเป็นสองฝ่าย ด้านนึงสนับสนุนการออกมาประกาศความจริงเกี่ยวกับความพิเศษของตัวเอง และอยู่อย่างเปิดเผยกับมนุษย์ ในขณะที่อีกกลุ่มต่อต้าน และคิดว่า นั่นเป็นความโง่อย่างที่สุด ครั้งสุดท้ายที่มีเรื่องเหนือธรรมชาติหลุดออกไป พวกเขาถูกล่าจนเกือบสูญเผ่าพันธุ์ และเรื่องยุ่งวุ่นวายมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นได้ชัดเจนว่า ความยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้ไม่ได้จำกัดวงเพียงแค่บนโลกมนุษย์ บนสวรรค์และในนรกก็มีทั้งผู้เห็นด้วย และต่อต้าน พวกนั้นได้ส่งความช่วยเหลือต่อกลุ่มที่ตัวเองเข้าข้าง

ในเรื่อง Spellbound ซาแวนนาห์ เลวีนค้นพบว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล และการที่เธอสูญเสียพลังของตัวเองไปก็เพื่อเตรียมการกับสงครามครั้งใหญ่ครั้งนี้ เพราะถ้าเธอไม่สูญเสีย เธอก็จะไม่รู้ว่า มันมีค่ามากเพียงใด นั่นทำให้เธอมุ่งมั่นกับการฝึกฝนพลังเวทมนตร์ของตัวเองมากขึ้น แต่นั่นก็อาจจะไม่เพียงพอ เมื่อทั้งเทวทูต และปีศาจเข้ามามี่ส่วนร่วมในสงคราม

ในฐานะเล่มเดี่ยว ๆ เรื่องนี้ไม่เวิร์คเอาเสียเลยนะคะ แต่ในแง่ของความเป็นส่วนหนึ่งของชุด เล่มนี้สุดยอด หลายประเด็น หลายคำถาม หลายเบาะแส ถูกวางทิ้งเอาไว้ในเล่มก่อนหน้า ที่เราทึ่งมากที่สุดก็คือ เราไม่ได้คิดถึงประเด็นเหล่านั้นว่าเป็นเบาะแสเลยแม้แต่นิดเดียว เราเคยคิดนะคะว่า แคลลีย์ อาร์มสตรองค์เขียนเรื่องที่โฟกัสเด่นมากที่คาแร็คเตอร์ ในขณะที่เนื้อเรื่องคือส่วนรอง แต่เล่มนี้พิสูจน์เลยว่า เราคิดผิดมาตลอด เพราะเราได้เห็นชัดเจนเลยว่า คนแต่งวางแผนมาเป็นอย่างดี ก่อนที่จะเขียนเล่มนี้ ทุกอย่างที่เกิดในเล่มนี้มีที่มาที่ไปจากเล่มก่อนหน้า ตัวละครที่ออกมามีบทบาท เบาะแสที่ทิ้งเอาไว้ ล้วนมาจากเล่มก่อนหน้า ดังนั้นอย่างที่บอกค่ะ ไม่เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่าน เพราะคาดว่าคงหลงทางได้

ตัวละครอย่างแจสเปอร์ (ที่ออกใน Personal Demon) เราไม่เคยคิดเลยนะคะว่า จะมีบทบาทสำคัญในเล่มนี้ หรือกระทั่งข้อมูลที่ว่า อีฟ, โฮป, และอดัมเป็นลูกครึ่งมนุษย์กับปีศาจ และบรรดาพ่อของพวกเขาจะมีส่วนสำคัญในหนังสือชุดนี้มากขนาดนี้

แต่สำหรับเราซึ่งถือเป็นแฟนชุดนี้ตัวยง เรามีความสุขมาก เพราะอ่านไปก็นึกถึงเรื่องราวในเล่มก่อนหน้า สิ่งที่เกิดขึ้น และคำอธิบายของมัน ทุกอย่างสอดรับกันกับเนื้อเรื่องในเล่มนี้เป็นอย่างดี

นอกจากซาแวนนาห์ซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องหลักในเล่มนี้แล้ว คนอ่านก็ยังได้มองเห็นเรื่องราวจากตัวละครที่เคยเป็นผู้เล่าเรื่องในเล่มก่อนหน้า เรายอมรับนะคะว่า ไม่ได้รู้สึกว่า มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ตัวละครเหล่านั้น แต่เราก็ชอบในฐานะของแฟนหนังสือในชุดค่ะ

เราชอบประเด็นเรื่องการกลับมาของอีฟ เลวิน ซึ่งตายและกลายเป็นเทวทูตของสวรรค์ การที่เธอได้กลับมามีตัวตนจับต้องได้อีกครั้ง นี่ทำให้สองแม่ลูกได้เจอกันอีกครั้ง การเจอกันที่สุขและทุกข์พอกัน สำหรับซาแวนนาห์ เธอได้เสียมารดาผู้เป็นที่รัก เมื่ออีฟกลับมา ก็เหมือนเธอได้ของรักคืนมาอีก แต่ชีวิตของอีฟนั้นเริ่มต้นหลังจากความตายของเธอ (ในเรื่อง Haunted เล่มห้าในชุด) เพราะในที่สุดอีฟก็ได้ใช้พลังที่เธออยากจะได้ใช้ (แม้จะเป็นมนตร์ดำ) ได้ชายผู้เป็นที่รักมาอยู่เคียงข้าง (แม้จะเป็นหลังจากที่ทั้งสองตายไปแล้ว) นั่นทำให้ซาแวนนาห์รู้ว่า ชีวิตของมารดาไม่ได้ผูกติดกับโลกมนุษย์อีกต่อไป

หลายประเด็นที่มีมาตั้งแต่ในเล่มก่อนหน้าคลี่คลายในเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคาสซานดรา และแอรอน (ซึ่งเราว่า ง่ายไปหน่อยนะ และลงตัวเกินเหตุ) เรื่องราวของฌอน เนส พี่ชายของซาแวนนาห์ หรือกระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างซาแวนนาห์กับไบรซ์พี่ชายอีกคน แทบจะเรียกได้ว่า ทุกอย่างผูกโบว์สวยงามมาก ขอบอกเลยนะคะว่า คนแต่งแทบจะปิดประเด็นทุกอย่าง กระทั่งเรื่องของมัลคอล์ม (ซึ่งถ้าไม่ได้อ่านเล่มแรก ๆ ในชุด คุณจะไม่รู้เลยว่า เขาคือใคร)

ตอนจบเลือดสาดน้อยกว่าที่คิด ซึ่งเป็นเรื่องดีมาก ๆ นะคะ เพราะเราคงทำใจยากถ้าตัวละครนำของเล่มก่อนหน้าต้องมาเสียชีวิตไปในเล่มนี้ (ขอบอกว่าตอนที่คาร์ลถูกยิง เราช็อคไปเลย แม้จะไม่ได้ชอบเรื่องของเขากับโฮปมากเท่าไหร แต่ก็ยังอดใจหายไม่ได้) เราขอบอกว่าเรื่องนี้จบดีมาก มากเกินกว่าที่คิดด้วยซ้ำ หลายส่วนเข้าข่ายดีเกินเหตุ (การที่แจสเปอร์ยอมตายเพื่อโฮป ลงตัวเกิดเหตุค่ะ) แต่เราเลือกตอนจบแบบนี้ดีกว่า ตอนจบที่สมจริง แต่ตัวละครที่รักตายเกลี่อน (นึกถึง Mocking Jay เอาไว้)

ในฐานะที่เป็นเล่มจบของชุด เราพอใจกับเล่มนี้ค่ะ เพราะอย่างที่เขียนไป หลายประเด็นคลี่คลายลง กระนั้นเรื่องราวไม่ได้จบแบบแล้วทุกคนก็มีความสุขตลอดไป (แม้ว่า ความสูญเสียไม่เยอะเท่าไหรเลยนะคะ) อย่างประเด็นของลูคัสและการขึ้นเป็นผู้นำคาบาลของเขา เราคิดว่า ประเด็นนี้คนแต่งก็คิดไม่ตกเหมือนกัน ว่าจะหาทางออกยังไง (จึงได้เป็นเพียงแค่ยืดเวลา ตราบใดที่เบนิซิโอพ่อของเขายังมีชีวิตอยู่ ลูคัสก็ไม่ต้องตัดสินใจ แต่เราคิดว่า เหตุการณ์ในเรื่องนี้พิสูจน์แล้วล่ะว่า ลูคัสเป็นผู้นำคาบาลได้ และท้ายที่สุดทั้งเพจและเขาเองก็คงจะต้องยอมรับความจริงนั้น)

เท่าที่เข้าใจคนแต่งอาจจะจบเรื่องชุดนี้ไปแล้ว แต่เธอจะยังแต่งเรื่องสั้นเกี่ยวกับคาแร็คเตอร์ในชุดนี้ออกมาเรื่อย ๆ และเราก็คงตามอ่านไปเรื่อย ๆ เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะเรื่องที่ออกปลายปีนี้ ที่ดูท่าทางในที่สุดเธอก็จะหาคู่ให้กับนิคได้ (เช่นเดียวกัน เขาเป็นคาแร็คเตอร์ที่ถ้าคุณไม่ได้อ่านเล่มแรก ๆ ในชุด ก็จะไม่รู้จักเขาเช่นกัน)

การให้คะแนนเล่มนี้ เราไม่ได้เฉพาะตัวเล่มนี้อย่างเดียว เราไม่คิดว่า เล่มนี้สามารถยืนด้วยตัวเองได้ แต่เพราะความแข็งแกร่งของเล่มนี้ที่ได้จากหนังสือในเล่มก่อนหน้า และถือว่าเป็นการปิดประเด็นที่เริ่มต้นมาก่อนหน้า เล่มนี้สุดยอดสำหรับเราค่ะ

คะแนนที่ 80



View all my reviews

No comments: